ม.หอการค้าฯ จับตา 3 ปัจจัยเสี่ยงฉุด ศก.ไทย “การเมืองไม่เลือกตั้ง-ก่อการร้ายปะทุ-น้ำมันเกิน 130 ดอลลาร์/บาร์เรล” ฉุดเศรษฐกิจไทยโตไม่ถึง 4% แต่หากไม่เกิดปัจจัยเสี่ยงใดๆ เลย ศก.ไทย โตได้ 4.5% แน่นอน พร้อมคาดเม็ดเงินสะพัดเลือกตั้ง 4-5 หมื่นล้าน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงคาดการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2554 โดยการประเมินครั้งใหม่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.0-4.5 โดยมีโอกาสขยายตัวได้มากที่สุดที่ร้อยละ 4.4 จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.2 หรือขยายตัวอยู่ระหว่างร้อยละ 4.0-5.0
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ร้อยละ 60 ที่เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 4.0-4.5 หากการเมืองมีเสถียรภาพ การเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี รัฐบาลสามารถดำเนินการได้หลังเลือกตั้ง เศรษฐกิจโลกขยายตัวร้อยละ 4.4 ผลกระทบที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นไม่รุนแรง เงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.8-4.2 ราคาน้ำมันอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ค่าเงินบาทอยู่ที่ 29.30-30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การส่งออก ขยายตัวร้อยละ 16.1 และการนำเข้าขยายตัวร้อยละ 19.6
อย่างไรก็ตาม หากการเมืองขาดเสถียรภาพ ไม่มีการเลือกตั้ง เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือปัญหาการก่อการร้าย หลังการเสียชีวิตของ อุซามะห์ บิน ลาเดน รุนแรงขึ้นจนกระทบทำให้คนชะลอการใช้จ่าย การท่องเที่ยว และราคาน้ำมันเกิน 120-130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 3.5-3.9
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า เม็ดเงินสะพัดในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 40,000-50,000 ล้านบาท มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ร้อยละ 0.4 จะช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2-3 ที่คาดว่าจะชะลอตัวจากปัญหาค่าครองชีพแพงมาช่วยทดแทนผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ ที่มีความเสียหาย 20,000-26,000 ล้านบาท กระทบจีดีพี ร้อยละ 0.2 และชดเชยผลกระทบจากสึนามิญี่ปุ่นที่เสียหาย 10,000-20,000 ล้านบาท หรือผลต่อจีดีพีร้อยละ 0.1
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะโตร้อยละ 4.6-5.0 ได้ หากสถานการณ์การเมืองผ่านไปด้วยดี นโยบายรัฐบาลไม่สะดุด เศรษฐกิจโลกขยายตัวดีกว่าที่คาด