โตเกียวมารีน(ไทย) ยันแผ่นดินไหวญี่ปุ่นไม่กระทบบริษัทแม่เงินกองทุนเพียงพอ เน้นรับผิดชอบต่อสังคม-ลูกค้า ส่วนธุรกิจประกันฯในไทยเตรียมเดินหน้ารุกเต็มที่ หลังไตรมาสแรกโตแล้วกว่า 34% คาดทั้งปีทำได้ตามเป้าปั้นเบี้ยรับรวมแตะ 1.9 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มจำนวนตัวแทนอีก 800 ราย ด้านAACP ลุยมันนี่เอ็กซ์โปร์ ส่งกรมธรรม์พิเศษร่วมงานฉลองครบรอบ 60 ปีบริษัท
นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการแถลงการณ์ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวว่า จะไม่มีผลกระทบอะไร เนื่องจากบริษัทมีเบี้ยประกันแผ่นดินไหวสะสมอยู่ทุกปีทำให้มีความสามารถจ่ายสินไหมได้อย่างพอเพียง โดยขณะนี้น่าจะมีเงินกองทุนสะสมอยู่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ รายงานตัวเลขการจ่ายสินไหมของบริษัทก่อนที่จะมีผลออกมาอย่างเป็นทางการน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 พันล้านดอลลาร์ จากตัวเลขความเสียหายประกันภัยทรัพย์สินเบ็ดเตล็ดประมาณ 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์
นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นรายงานความเสียหายไว้ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท(ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถรับความเสียหาย และสามารถจ่ายได้ อีกทั้งยังไม่มีรายงานการลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจากสถาบันการเงินอีกด้วยนับเป็นการแสดงถึงความมั่นคงของบริษัท และพิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและลูกค้าที่ไม่คำนึงถึงมูลค่าความเสียหาย
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทโตเกียวมารีนในประเทศไทย ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าสามารถุทำได้ดี และมีเบี้ยรับรวมประมาณ 403 ล้านบาท จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยรับรวม 300 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้นประมาณ 34% โดยช่วงที่เหลือของปีบริษัทคาดว่าจะสามารถทำเบี้ยรับรวมได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1,958 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา ที่ทำได้ประมาณ 1,440 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 820 ล้านบาท ช่องทางธนาคาร 519 ล้านบาทและการขายผ่านทางโทรศัพท์ 87 ล้านบาท
ส่วนเบี้ยรับรวมในไตรมาสที่ผ่านมาจะแบ่งเป็น ช่องทางตัวแทนประมาณ 93 ล้านบาท เบี้ยปีแรกประมาณ 87 ล้านบาท เบี้ยต่ออายุประมาณ 97 ล้านบาท เบี้ยจากประกันกลุ่มประมาณ 167 ล้านบาท เบี้ยที่ได้รับจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ประมาณ125 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากการรับประกันสินเชื่อที่บริษัทได้ร่วมมือกับ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB ส่วนเบี้ยประกันที่เหลือมาจากช่องทางเทเล(การขายผ่านคอลเซ็นเตอร์)
โดยในปีนี้บริษัทยังคงเน้นให้ความสำคัญกับตัวแทนเป็นหลัก และตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนจากเดิมที่มีอยู่ 1,700 ราย เป็น 2,500 ราย ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่มีการเป็นสาขาจากเดิม 10 สาขา เป็น 15 สาขา
"สาเหตุหลักที่ส่งผลให้เบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตดีต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ออกโปรดักษ์ทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการผลักดันประกันแบบบำนาญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกันดังกล่าวได้รับความสนใจจากลูกค้าค่อนข้างดีมาก ประกอบกับช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบัน กรมธรรม์แบบเดิมๆต่างได้รับความสนใจน้อยลง"นายสมโพชน์กล่าว
นายสมโพชน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทในปีนี้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวบริษัทเพิ่มขึ้น แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มทุนไปบ้างแล้ว แต่ในปีนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)จะนำระบบการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital - RBC) มาใช้ ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเม็ดเงินเพิ่มทุนนั้น ทั้งนี้ รับว่าไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะต้องใช้เม็ดเงินในการสร้างความแข็งแกร่งประมาณเท่าไหร่ และจะเพิ่มทุนได้ในช่วงใด เนื่องจาก บริษัทต้องการรอดูเบี้ยรับรวมในช่วงไตรมาสต่อไปก่อนว่าเป็นไปตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใดอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต (มหาชน) เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 11 Money Expo 2011 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2554 ที่ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริษัทได้เตรียมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตใหม่ ๆ ที่ขายดี ให้ผลตอบแทนสูง และเชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคมานำเสนอ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษและของสมนาคุณมากมาย เพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งเก่าและใหม่
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปีของบริษัท ฯ บริษัทจึงได้นำผลิตภัณฑ์พิเศษสุด “มาย เซฟวิ่งส์ 10/6 (มีเงินปันผล)” แผนการออมที่ให้ผลตอบแทนสูงมานำเสนอในงาน ซึ่งเป็นแบบประกันที่เราตั้งใจจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าในโอกาสนี้ โดยมีจุดเด่น คือเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ระยะสั้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการออมเงินในระยะสั้น แต่รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงและมีความแน่นอน โดยชำระเบี้ยประกันเพียง 6 ปีรับเงินคืน 6% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทุกปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10 หรือตลอดอายุสัญญา และรับผลประโยชน์ด้านการคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี สูงสุด 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
นอกจากนี้ยังรับเงินครบกำหนดสัญญา 160% ของเงินเอาประกัน พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมในรูปแบบเงินปันผลรายปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป และรับเงินปันผลเมื่อครบกำหนดสัญญา อีกทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์โดยไม่ต้องเสียภาษี และเบี้ยประกันภัยสามารถหักลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปีอีกด้วย โดยจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 50,000 บาท
"ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในครั้งนี้ จะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคง ส่งผลให้มั่นใจว่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนยอดเบี้ยประกันรับปีแรกให้ได้ถึง 6,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างแน่นอน"นางพัชรากล่าว
นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีการแถลงการณ์ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวว่า จะไม่มีผลกระทบอะไร เนื่องจากบริษัทมีเบี้ยประกันแผ่นดินไหวสะสมอยู่ทุกปีทำให้มีความสามารถจ่ายสินไหมได้อย่างพอเพียง โดยขณะนี้น่าจะมีเงินกองทุนสะสมอยู่ประมาณ 1 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ รายงานตัวเลขการจ่ายสินไหมของบริษัทก่อนที่จะมีผลออกมาอย่างเป็นทางการน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-5 พันล้านดอลลาร์ จากตัวเลขความเสียหายประกันภัยทรัพย์สินเบ็ดเตล็ดประมาณ 1-2 หมื่นล้านดอลลาร์
นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต บมจ.โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวอีกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นรายงานความเสียหายไว้ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท(ประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถรับความเสียหาย และสามารถจ่ายได้ อีกทั้งยังไม่มีรายงานการลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจากสถาบันการเงินอีกด้วยนับเป็นการแสดงถึงความมั่นคงของบริษัท และพิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและลูกค้าที่ไม่คำนึงถึงมูลค่าความเสียหาย
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทโตเกียวมารีนในประเทศไทย ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ถือว่าสามารถุทำได้ดี และมีเบี้ยรับรวมประมาณ 403 ล้านบาท จากปีช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยรับรวม 300 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้นประมาณ 34% โดยช่วงที่เหลือของปีบริษัทคาดว่าจะสามารถทำเบี้ยรับรวมได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1,958 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมา ที่ทำได้ประมาณ 1,440 ล้านบาท แบ่งเป็นช่องทางตัวแทน 820 ล้านบาท ช่องทางธนาคาร 519 ล้านบาทและการขายผ่านทางโทรศัพท์ 87 ล้านบาท
ส่วนเบี้ยรับรวมในไตรมาสที่ผ่านมาจะแบ่งเป็น ช่องทางตัวแทนประมาณ 93 ล้านบาท เบี้ยปีแรกประมาณ 87 ล้านบาท เบี้ยต่ออายุประมาณ 97 ล้านบาท เบี้ยจากประกันกลุ่มประมาณ 167 ล้านบาท เบี้ยที่ได้รับจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ประมาณ125 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะมาจากการรับประกันสินเชื่อที่บริษัทได้ร่วมมือกับ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMB ส่วนเบี้ยประกันที่เหลือมาจากช่องทางเทเล(การขายผ่านคอลเซ็นเตอร์)
โดยในปีนี้บริษัทยังคงเน้นให้ความสำคัญกับตัวแทนเป็นหลัก และตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนจากเดิมที่มีอยู่ 1,700 ราย เป็น 2,500 ราย ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่มีการเป็นสาขาจากเดิม 10 สาขา เป็น 15 สาขา
"สาเหตุหลักที่ส่งผลให้เบี้ยรับรวมของบริษัทเติบโตดีต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ออกโปรดักษ์ทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการผลักดันประกันแบบบำนาญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประกันดังกล่าวได้รับความสนใจจากลูกค้าค่อนข้างดีมาก ประกอบกับช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบัน กรมธรรม์แบบเดิมๆต่างได้รับความสนใจน้อยลง"นายสมโพชน์กล่าว
นายสมโพชน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทในปีนี้ ทั้งนี้ ยอมรับว่า มีโอกาสที่จะเพิ่มทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวบริษัทเพิ่มขึ้น แม้ว่าช่วงปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มทุนไปบ้างแล้ว แต่ในปีนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)จะนำระบบการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital - RBC) มาใช้ ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเม็ดเงินเพิ่มทุนนั้น ทั้งนี้ รับว่าไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะต้องใช้เม็ดเงินในการสร้างความแข็งแกร่งประมาณเท่าไหร่ และจะเพิ่มทุนได้ในช่วงใด เนื่องจาก บริษัทต้องการรอดูเบี้ยรับรวมในช่วงไตรมาสต่อไปก่อนว่าเป็นไปตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใดอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต (มหาชน) เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 11 Money Expo 2011 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2554 ที่ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริษัทได้เตรียมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตใหม่ ๆ ที่ขายดี ให้ผลตอบแทนสูง และเชื่อว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคมานำเสนอ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษและของสมนาคุณมากมาย เพื่อดึงดูดลูกค้าทั้งเก่าและใหม่
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปีของบริษัท ฯ บริษัทจึงได้นำผลิตภัณฑ์พิเศษสุด “มาย เซฟวิ่งส์ 10/6 (มีเงินปันผล)” แผนการออมที่ให้ผลตอบแทนสูงมานำเสนอในงาน ซึ่งเป็นแบบประกันที่เราตั้งใจจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้าในโอกาสนี้ โดยมีจุดเด่น คือเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ระยะสั้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการออมเงินในระยะสั้น แต่รับผลตอบแทนในอัตราที่สูงและมีความแน่นอน โดยชำระเบี้ยประกันเพียง 6 ปีรับเงินคืน 6% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทุกปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10 หรือตลอดอายุสัญญา และรับผลประโยชน์ด้านการคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี สูงสุด 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
นอกจากนี้ยังรับเงินครบกำหนดสัญญา 160% ของเงินเอาประกัน พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มเติมในรูปแบบเงินปันผลรายปี ตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 2 เป็นต้นไป และรับเงินปันผลเมื่อครบกำหนดสัญญา อีกทั้งยังได้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์โดยไม่ต้องเสียภาษี และเบี้ยประกันภัยสามารถหักลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปีอีกด้วย โดยจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 50,000 บาท
"ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในครั้งนี้ จะตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคตที่มั่นคง ส่งผลให้มั่นใจว่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนยอดเบี้ยประกันรับปีแรกให้ได้ถึง 6,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ภายในสิ้นปีนี้ อย่างแน่นอน"นางพัชรากล่าว