บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เข็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ศรีไทย ระดมทุน 675 ล้านบาท ซื้อโกดังสินค้า “ทรัพย์ศรีไทย” การันตีผลตอบแทน 5 ปีแรก ไอพีโอแล้วถึง 26 เมษายนนี้
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ศรีไทย หรือ Sub Sri Thai Property Fund หรือ SSTPF โดยเริ่มเปิดไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 26 เมษายน นี้
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 675 ล้านบาท โดยกองทุน SSTPF มีนโยบายลงทุนซื้อที่ดินและคลังเก็บเอกสารพร้อมอุปกรณ์จากบริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งตั้งอยู่แถวประแดงเป็นรูปแบบการลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ หรือฟรีโฮลด์ ซึ่งกองทุนจะให้ผลตอบแทนที่ประกันโดยธนาคารพาณิชย์ใน 5 ปีแรก โดยในปีที่ 1 -5 กองทุนจะประกันจ่ายปันผลแบบปีต่อปี โดยมีหนังสือค้ำประกัน ซึ่งค่าเช่าขั้นต่ำปีแรกปีละ 50 ล้านบาท หรืออยู่ที่ประมาณ 6.5% ต่อปี ส่วนปีที่ 2 และ 3 จำนวนประมาณ 51.5 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 6.75% ต่อปี ขณะที่ ปีที่ 4 และ 5 จำนวนประมาณ 53 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 7% และในปีที่ 6 - 10 ค่าเช่าขั้นต่ำ 47 ล้านบาท โดยคิดผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 6.5% ต่อปี
"อาคารคลังเก็บสินค้ามีจำนวนทั้งสิ้น 9 อาคาร พื้นที่รวมทั้งหมด 15,340 ตารางเมตร ซึ่งโกดังของทรัพย์ศรีไทย เป็นผู้นำด้านตลาดรับฝากเอกสารที่มีความชำนาญในเมืองไทยติด 1 ใน 4 ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ให้บริการรับฝากสินค้า ทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันทางการเงิน บริษัทเงินลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันภัย หรือแม้แต่บริษัทประกันชีวิต เป็นต้นที่ได้ทรัพย์ศรีไทยได้รับความไว้วางใจ และเป็นหนึ่งในการพัฒนาและวางระบบออโตเมติคเจ้าแรกของไทยด้วย” นายนกุล กล่าว
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดการลงทุน บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่า ผลตอบแทนของกองทุน SSTPF 5 ปีแรกเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.7% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ศรีไทย ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6 - 7% ถึงแม้ว่าจะดูแล้วมีความเสี่ยงอยู่บ้างแต่เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังมีหลักทรัพย์อยู่ แต่ในหุ้นกู้เองไม่มีหลักทรัพย์ประกันถ้าเกิดมีการไม่จ่ายผลตอบแทนมีอย่างเดียวคือการฟ้องร้อง ดังนั้นการลงทุนกองทุนดังกล่าวที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 6 - 7% ถือว่าสูงและน่าสนใจเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น ๆ นอกจากนี้แล้วในขนาดมูลค่าโครงการที่ไม่ใหญ่มากนักทำให้มีสภาพคล่องสูงด้วยเช่นกันในการบริหารกองทุน
ขณะที่นายสัมฤทธิ์ ตันติดิลกกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัททรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ศรีไทยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินทุนไปจัดซื้อที่ดินแห่งใหม่ในการขยายคลังสินค้าให้มีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ซึ่งในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาบริษัมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 18% สาเหตุของการเติบโตมาจากลูกค้าที่มั่นใจและเชื่อใจในการฝากจัดเก็บเอกสารกับทางบริษัท เนื่องจากว่าบริษัทมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม อีกทั้งบริษัทยังเป็นเป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจ 1 ใน 4 ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยด้วย
“บริษัทเรามีหลักจรรยาบรรณ และความซื่อสัตย์มากในการจัดเก็บเอกสารของลูกค้า ซึ่งต้องมาเป็นอันดับแรกโดยเราจะไม่เปิดดูเอกสารและมีการจัดเก็บเอกสารด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่แล้วเราจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการจดจำของมูลของลูกค้าที่ฝากเอกสารมากกว่าจะใช้จำนวนของคนเพราะเชื่อว่าระบบคอมพิวเตอร์จะเก็บเอกสารและมีหน่วยความจำที่แม่ยำมากกว่า” นายสัมฤทธิ์ กล่าว
นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยเองเป็นหนึ่งในลูกค้าของ บริษัท ทรัพย์ศรีไทยในการให้ความไว้วางใจให้จัดเก็บเอกสารมาเป็นเวลานาน และในแง่ของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวความน่าสนใจจุดเด่นในเรื่องของคุณภาพของโกดังสินค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำมีลูกค้าที่ไว้วางใจเป็นจำนวนมาก และข้อได้เปรียบอีกข้อคือคลังสินค้าดังกล่าวอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยารวมถึงอยู่ใกล้ถนนหลัก นอกจากนี้แล้วกองทุนดังกล่าวเป็นลักษณะการลงทุนแบบฟรีโฮลด์ ผลตอบแทนค่อนข้างดีด้วย