ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ. ทหารไทย ชู กอง Global Bond Fund ในช่วงดอกเบี้ยผันผวนและ แรงกดดันของเงินเฟ้อ ด้าน "ทริส" แนะนักลงทุนให้พิจารณาความเสี่ยง 3 ด้านคือ ด้านเครดิต ด้านผลตอบแทน และด้านการลงทุนต่อเนื่อง
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย แรงกดดันของเงินเฟ้อ และสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก การตัดสินใจลงทุนจะยิ่งมีความยุ่งยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund จะช่วยตอบโจทย์การลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และยังมีศักยภาพที่จะเป็น Core Asset หรือสินทรัพย์หลักที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ เพราะกองทุนดังกล่าวมีลักษณะเป็น Feeder Fund ที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักคือ Templeton Global Bond Fund ซึ่งมีทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สามารถเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นกองทุนประเภทที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการโดยไม่ถูกล็อคระยะเวลาไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนต้องพร้อมเรียนรู้และสร้างประสบการณ์การลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยต้องพร้อมยอมรับความไม่แน่นอนจากการลงทุนในระยะสั้นหรือความผันผวนของ NAV ในแต่ละวัน เพื่อโอกาสของผลตอบแทน และเพื่อเติมเต็มศักยภาพในการลงทุนของตนเอง
ทั้งนี้ แต่เดิมที่ผู้ลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนที่จำกัด และมักยึดติดกับการลงทุนในกองทุนที่นำเสนอกันทั่วไปคือกองทุนที่กำหนดผลตอบแทนและอายุของกองทุนล่วงหน้า (Fixed-Term Fund) โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เท่านั้น ทำให้ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถลงทุนได้อย่างเต็มศักยภาพอย่างแท้จริง
ด้านนายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้แนะนำแนวทางเพื่อผู้ลงทุนใช้สำหรับการพิจารณาเลือกลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพิ่มเติมว่าให้พิจารณาถึงความเสี่ยงหลัก 3 ด้านคือ ด้านเครดิต ด้านผลตอบแทน และด้านการลงทุนต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า Reinvestment Risk ซึ่งโดยทั่วไปผู้ลงทุนมักมองข้าม Reinvestment Risk ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถลงทุนได้เต็มศักยภาพ นอกไปจากนั้นก่อนการนำข้อมูลของสถาบันการจัดอันดับเครดิตและความน่าเชื่อถือไปใช้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจคำจำกัดความและมุมมองที่แต่ละสถาบันให้ความสำคัญ ซึ่งสถาบันแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกัน เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนไม่ผิดพลาดไปจากวัตถุประสงค์หลักที่ตนเองต้องการ
ขณะที่นายพีร์ ยงค์วณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ลงทุนอาจพิจารณาข้อมูลของพันธบัตร หุ้นกู้หรือกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนจากสถาบันจัดอันดับเครดิตและความน่าเชื่อถือ หรือสถาบันการจัดอันดับกองทุนซึ่งเป็นตัวกลางที่ได้รับการยอมรับ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนได้ อาทิเช่น การจัดอันดับกองทุนของสถาบันมอร์นิ่งสตาร์ในระดับนานาชาตินั้น นอกจากการประเมินในด้านปริมาณแล้วยังมีการประเมินเชิงคุณภาพที่เรียกว่า “5P” คือ People Management, Process, Parent, Price และ Performance ซึ่งกองทุนต่างๆที่ได้รับรางวัลของสถาบันจะต้องถูกประเมินหรือตรวจสอบมาแล้วเป็นอย่างดี อันจะช่วยรับประกันถึงคุณภาพ และช่วยให้การพิจารณาการลงทุนของผู้ลงทุนมีความสะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจได้ยิ่งขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย แรงกดดันของเงินเฟ้อ และสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก การตัดสินใจลงทุนจะยิ่งมีความยุ่งยาก และซับซ้อนมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย Global Bond Fund จะช่วยตอบโจทย์การลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และยังมีศักยภาพที่จะเป็น Core Asset หรือสินทรัพย์หลักที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ เพราะกองทุนดังกล่าวมีลักษณะเป็น Feeder Fund ที่นำเงินไปลงทุนในกองทุนหลักคือ Templeton Global Bond Fund ซึ่งมีทีมงานมืออาชีพ มีประสบการณ์ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สามารถเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสของผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นกองทุนประเภทที่ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการโดยไม่ถูกล็อคระยะเวลาไว้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนต้องพร้อมเรียนรู้และสร้างประสบการณ์การลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีที่สุด โดยต้องพร้อมยอมรับความไม่แน่นอนจากการลงทุนในระยะสั้นหรือความผันผวนของ NAV ในแต่ละวัน เพื่อโอกาสของผลตอบแทน และเพื่อเติมเต็มศักยภาพในการลงทุนของตนเอง
ทั้งนี้ แต่เดิมที่ผู้ลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนที่จำกัด และมักยึดติดกับการลงทุนในกองทุนที่นำเสนอกันทั่วไปคือกองทุนที่กำหนดผลตอบแทนและอายุของกองทุนล่วงหน้า (Fixed-Term Fund) โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เท่านั้น ทำให้ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถลงทุนได้อย่างเต็มศักยภาพอย่างแท้จริง
ด้านนายสันติ กีระนันทน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้แนะนำแนวทางเพื่อผู้ลงทุนใช้สำหรับการพิจารณาเลือกลงทุนในพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพิ่มเติมว่าให้พิจารณาถึงความเสี่ยงหลัก 3 ด้านคือ ด้านเครดิต ด้านผลตอบแทน และด้านการลงทุนต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า Reinvestment Risk ซึ่งโดยทั่วไปผู้ลงทุนมักมองข้าม Reinvestment Risk ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามารถลงทุนได้เต็มศักยภาพ นอกไปจากนั้นก่อนการนำข้อมูลของสถาบันการจัดอันดับเครดิตและความน่าเชื่อถือไปใช้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจคำจำกัดความและมุมมองที่แต่ละสถาบันให้ความสำคัญ ซึ่งสถาบันแต่ละแห่งจะมีความแตกต่างกัน เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนไม่ผิดพลาดไปจากวัตถุประสงค์หลักที่ตนเองต้องการ
ขณะที่นายพีร์ ยงค์วณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ลงทุนอาจพิจารณาข้อมูลของพันธบัตร หุ้นกู้หรือกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนจากสถาบันจัดอันดับเครดิตและความน่าเชื่อถือ หรือสถาบันการจัดอันดับกองทุนซึ่งเป็นตัวกลางที่ได้รับการยอมรับ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุนได้ อาทิเช่น การจัดอันดับกองทุนของสถาบันมอร์นิ่งสตาร์ในระดับนานาชาตินั้น นอกจากการประเมินในด้านปริมาณแล้วยังมีการประเมินเชิงคุณภาพที่เรียกว่า “5P” คือ People Management, Process, Parent, Price และ Performance ซึ่งกองทุนต่างๆที่ได้รับรางวัลของสถาบันจะต้องถูกประเมินหรือตรวจสอบมาแล้วเป็นอย่างดี อันจะช่วยรับประกันถึงคุณภาพ และช่วยให้การพิจารณาการลงทุนของผู้ลงทุนมีความสะดวกสบาย และสร้างความมั่นใจได้ยิ่งขึ้น
