บลจ.ทหารไทย แจงความคืบหน้าบริษัทป่าเกาะเบี้ยวไม่ส่งเงินคืนเข้าบัญชีหลักประกันของกองทุนอสังหาฯลักซ์ชัวรี่ ล่าสุดเตรียมจัดประมูลหน่วยลงทุนที่ป่าเกาะเอามาจำนำเร็วนี้ๆ หลังนักลงทุนหวั่นไม่ได้รับปันผลงวดไตรมาส 2/2554
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)ทหารไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF ) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการผิดนัดผิดสัญญาในการนำเงินคืนเข้าบัญชีหลักประกันของบริษัท โรงแรม ป่าเกาะจำกัด และการดำเนินการของบริษัทจัดการจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2554 ว่า กองทุนได้ลงทุนซื้อทรัพย์สิน คือ โรงแรม ซิกส์เซ้นส์ ยาวน้อย และได้ให้บริษัทลูก ของบริษัท โรงแรม ป่าเกาะ จำกัด คือ บริษัท อี.เอช.วาย. จำกัด เช่าทรัพย์สินของโรงแรมที่เกาะยาวน้อยเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งในปัจจุบัน ผ่านไป 2 ปีกว่าแล้ว ตามสัญญาตกลงกระทำการโดยป่าเกาะจะเป็นผู้ดูแลให้บริษัทลูกของป่าเกาะชำระเงินและจะเป็นผู้ค้ำประกันให้กองทุนมีรายได้ขั้นต่ำจากการเช่าเพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยได้ตลอดเวลา 5ปีตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
โดยเงินปันผลขั้นต่ำในแต่ละปีจะมีดังนี้ ปีที่ 1ร้อยละ 6 ปีที่ 2 ร้อยละ 6.5 ปีที่ 3 ร้อยละ 7 ปีที่ 4 ร้อยละ 7 และปีที่ 5 ร้อยละ 7 เพื่อเป็นการค้ำประกันความสามารถของป่าเกาะในการชำระเงินตามสัญญา ป่าเกาะจะต้องวางหลักประกันในรูปของเงินสดในบัญชีหลักประกัน หรือนำหนังสือค้ำประกันธนาคารมาวางไว้เป็นหลักประกันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 150 ล้านบาท
และในกรณีที่เงินหลักประกันนี้ถูกใช้ไปในการชำระค่าเช่า หรือชดเชยรายได้ขั้นต่ำของกองทุนป่าเกาะจะต้องเติมหลักประกันให้มูลค่าหลักประกันเงินสดและ/หรือหนังสือค้ำประกันมีมูลค่าเต็มครบจำนวน 150 ล้านบาทดังเดิมภายในเวลาที่กำหนด และเพื่อประกันความสามารถของป่าเกาะในการเติมเงินเข้าบัญชีหลักประกัน เมื่อมีการเบิกถอน ป่าเกาะได้จำนำหน่วยลงทุนจำนวน 20ล้านหน่วยไว้กับกองทุนเพื่อเป็นหลักประกันเพิ่มเติมตั้งแต่เริ่มเปิดกอง
ทั้งนี้ป่าเกาะสามารถปฏิบัติตามหน้าที่ได้ตลอดระยะเวลา 2 ปีแรก โดยเมื่อถึงกำหนดเวลาอีเอชวายต้องชำระเงินค่าเช่าหรือเวลาที่กองทุนต้องจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วย กองทุนก็จะตัดเงินในบัญชีหลักประกันเพื่อนำไปใช้ในการจ่ายเงินปันผลและป่าเกาะก็จะนำเงินมาเข้าบัญชีหลักประกันตามเวลาที่กำหนด จนถึงเดือนตุลาคม 2553 ป่าเกาะผิดนัดในการเติมเงินหลักประกันภายในเวลาที่กำหนดซึ่งป่าเกาะได้ขอผัดผ่อนการเติมเงินที่ผิดนัดให้ครบภายในสิ้นเดือนมกราคม 2554 และได้จำนำหน่วยลงทุนเพิ่มเติมอีก 10 ล้านหน่วย (ดำเนินการรับจำนำเรียบร้อยแล้ว)
อย่างไรก็ดีที่ประชุมผู้ถือหน่วยกองทุนไม่อนุมัติการขอขยายเวลาดังกล่าว และนอกจากนี้ เมื่อสิ้นเดือนมกราคม 2554 ป่าเกาะมิได้นำเงินหลักประกันมาฝากเข้าบัญชีตามที่ขอผ่อนผันและได้ส่งจดหมายโดยผ่านทนายความมายังบริษัทจัดการ/กองทุนโดยอ้างว่าเกิดเหตุสุดวิสัยอันมาจากผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบของประเทศไทยที่ผ่านรวมทั้งเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดที่ไอส์แลนด์ซึ่งมีผลกระทบกับปริมาณนักท่องเที่ยวที่ลดลงจนเป็นเหตุให้รายได้โรงแรมไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์และป่าเกาะยังได้ระบุต่อไปว่า ที่บริษัทจัดการที่ได้ตัดเงินหลักประกันไปแล้วนั้นเป็นการทำให้ป่าเกาะได้รับความเสียหายซึ่งป่าเกาะจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อหาข้อยุติต่อไปพร้อมทั้งห้ามมิให้บริษัทจัดการนำหน่วยลงทุนที่จดจำนำไว้ออกขายทอดตลาดอีกด้วย
เนื่องจากข้อกล่าวอ้างของป่าเกาะไม่สมเหตุสมผล กองทุนจึงได้แต่งตั้งทนาย ให้ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อบังคับให้ป่าเกาะดำเนินการตามสัญญาในการเติมเงินเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาโดยทนายของกองทุนได้ส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังป่าเกาะแล้ว และ กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการบังคับจำนำหน่วยลงทุนกองทุนรับจำนำไว้โดยจะประกาศวันเวลาและสถานที่การประมูลขายหน่วยลงทุนในระยะเวลาอันใกล้นี้
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2554 ป่าเกาะได้มีการผิดนัดเพิ่มเติมในการนำเงินเข้าบัญชีเงินสดอีก 2 รายการ ณ ดังนี้ ยอดที่ป่าเกาะต้องนำเงินเข้าบัญชีหลักประกัน เพื่อชดเชยค่าเช่าแปรผันประจำเดือนพฤศจิกายน 53 จำนวน 1,509,226.20 บาท และเพื่อชดเชยค่าแปรผันพิเศษ ประจำปีบัญชี 2552 (กค 52- มิย 53)อีก 422,312.80 บาท รวมทั้งสิ้น 1,931,539.00 บาท
โดยยอดผิดนัดของป่าเกาะทั้งหมดในการนำเงินเข้าบัญชีหลักประกัน ณ วันที่ 21 มีนาคม 2554 คือยอดผิดนัดเดิม ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 อยู่ที่ 53,381,407.82 บาท เพิ่มยอดผิดนัดเพิ่มเติม ณ วันที่ 19 มีนาคม 2554 อีก 1,931,539.00 บาทและหักเงินปันผลจากหน่วยลงทุนที่จำนำไว้และถูกนำเข้าบัญชีหลักประกัน -10,587,000.00 บาท รวมยอดผิดนัดสุทธิ ณ วันที่ 21 มีนาคม 2554ทั้งสิ้น 44,725,946.82 บาท
ทั้งนี้ยอดเงินสดในบัญชีหลักประกันและเงินสดในบัญชีกองทุน ณ วันที่ 21 มีนาคม 2554 มีเงินสดในบัญชีหลักประกัน ณ 21 มีนาคม 2554อยู่ที่ 32,249,690.92 บาท และเงินสดในบัญชีของกองทุน 5,223,314.60 บาท
รายงานข่าวระบุต่อว่า จากการประเมินสถานการณ์และข้อจำกัดของขบวนการทางกฎหมาย บริษัทจัดการยังไม่มีแผนที่จะยกเลิกสัญญาทันที เพราะที่ปรึกษาของทางกฎหมายให้ความเห็นว่า อาจกระทบกับสิทธิในการบังคับจำนำหลักประกันหรือตัดเงินหลักประกันที่เหลืออยู่ ขณะนี้กลยุทธ์ของบริษัทจัดการในปัจจุบันจึงเป็นการบังคับหลักประกัน และตัดเงินในบัญชีให้ครบก่อนซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจัดการคาดคะเนว่า อาจใช้เวลาจนถึงประมาณเดือนกรกฏาคม 2554 (เนื่องจากต้องเดินตามขั้นตอนตามกฎหมายและตามกำหนดการตัดเงินบัญชีหลักประกันที่เหลือ)หลังจากนั้นบริษัทจัดการอาจพิจารณาฟ้องดำเนินคดีกับป่าเกาะและอีเอชวายเพื่อบังคับให้ปฎิบัติตามสัญญาและ/หรือ ยกเลิกสัญญาเช่ารวมทั้งฟ้องร้องเรียกความเสียหายพร้อมกับการดำเนินการบังคับจำนำป่าเกาะ
บริษัทจัดการก็ยังดำเนินการเจรจากับป่าเกาะเพื่อหาทางออกร่วมกันเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงแต่การเจรจาดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้เพราะยังมีความไม่แน่นอนและไม่สามารถสรุปรายละเอียดที่ชัดเจนได้ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกันบริษัทจัดการก็เริ่มกระบวนการหาทางหาผู้เช่ารายอื่นที่อาจมาแทนที่ป่าเกาะและอีเอชวาย ในกรณีที่ บริษัทจัดการอาจยกเลิกสัญญาเช่ากับป่าเกาะและ อีเอชวายก่อนกำหนดแต่เรื่องนี้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนักเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโรงแรมที่ยังไม่เอื้ออำนวยในขณะนี้และยังมีปัจจัยทางกฎหมายที่ต้องพิจารณา
อย่างไรก็ตามกำหนดการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2/2554 (งวดการดำเนินการ มกราคม - มิถุนายน 2554) มีกำหนดการชำระในเดือนกันยายน 2554 ซึ่งกองทุนต้องใช้เงินทั้งหมดประมาณ 69ล้านบาทเพื่อจ่ายเงินปันผลดังกล่าว ซึ่งขณะนี้กองทุนถือเงินสดอยู่ประมาณ 5 ล้านบาท (ก่อนค่าใช้จ่าย)และ มีหลักประกันเงินสดอยู่ประมาณ 32 ล้านบาท ความสามารถของกองทุนในการจ่ายเงินปันผลในงวดที่ 2 ตามจำนวนข้างต้นจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของกองทุนในการบังคับขายหน่วยลงทุนหลักประกันจำนวน 30 ล้านหน่วยที่จำนำไว้ให้ทันตามเวลาที่กำหนด ( ณ วันที่ 23 มีนาคม 2554 ราคาปิดของหน่วยลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5.80 บาท ต่อหน่วย)
ความสามารถในการขายบังคับจำนำดังกล่าวยังขึ้นอยู่ว่าจะมีผู้เข้ามาประมูลหรือไม่หรือได้ราคาที่เหมาะสมหรือไม่รวมถึงอาจมีความล่าช้าที่การบังคับจำนำหากป่าเกาะใช้กระบวนการทางกฎหมายชะลอการบังคับจำนำสำเร็จ อย่างไรก็ดีบริษัทจัดการจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การบังคับจำนำลุล่วงไปได้ก่อนกำหนดเวลาจ่ายเงินปันผล
