เอเอฟพี - ชาวชวาที่รอดชีวิตจากเหตุภูเขาไฟเมราปีปะทุอย่างรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว พลิกร่องรอยความเสียหายให้กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อหารายได้มาฟื้นฟูหมู่บ้านให้กลับมามีชีวิตดังเดิม
เนื่องจากความช่วยเหลือของรัฐบาลอินโดนีเซียมีเพียงเล็กน้อย และโอกาสที่จะถูกว่าจ้างก็แทบไม่มี สุวาร์นี วัย 26 ปี จึงต้องหาเลี้ยงตนเองและลูกด้วยการขายวีดีซีบันทึกภาพเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน
“มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ฉันต้องขายวีซีดีเกี่ยวกับบ้านของตัวเองถูกทำลาย แต่ก็ไม่มีทางเลือก ฉันต้องทำให้ได้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว” สุวาร์นีกล่าว
การระเบิดของภูเขาไฟเมราปีระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ สุวาร์นี สูญเสียบ้านและพ่อสามีไป นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านอีกกว่า 350 คนที่สังเวยชีวิตแก่เถ้าถ่านร้อนและลาวาสีแดงเพลิงที่ไหลหลากมาราวกับแม่น้ำ
นักท่องเที่ยวชาวอิเหนาและจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเยือนเมราปีเพื่อสัมผัสร่องรอยความเสียหายด้วยตาตนเอง หลังจากที่รัฐบาลลดระดับการเตือนภัยลงเมื่อเดือนธันวาคม
ชาวบ้านราว 400,000 คนที่อพยพไปอยู่ศูนย์ผู้ประสบภัยพากันกลับมายังบ้านเรือน และไม่พบอะไรนอกจากเถ้าถ่านและดินโคลนตรงบริเวณซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของตน
ครอบครัวของ สุวาร์นี เคยมีอาชีพเลี้ยงวัวนม แต่วันนี้เธอต้องขายวีซีดีแผ่นละ 40,000 รูเปียะห์ (4.40 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อประทังชีวิต
ฮานส์ แวน เดอร์ เวย์เด นักท่องเที่ยวชาวดัชต์วัย 62 ปี บอกว่า เขาแทบไม่เชื่อว่าดินแดนที่เคยเขียวชอุ่มจะเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้
“ผมอยากมาดูผลกระทบจากการระเบิด เพราะผมเคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะถูกทำลายหมด”
คีล มิลเลอร์ นักศึกษาสาขาภูมิศาสตร์วัย 21 ปี กล่าวว่า ตนไม่นึกว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเมราปีมากมาย
“ผมประหลาดใจมากครับที่เห็นคนมากมายขึ้นมาดูร่องรอยความเสียหายที่นี่ ก็หวังว่าเงินที่ได้จากค่าจอดรถ รวมถึงรายได้จากการขายของที่ระลึกและอาหาร จะช่วยให้ชุมชนฟื้นตัวได้เร็วขึ้น” มิลเลอร์ กล่าว
หนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดคือ บ้านของผู้เฒ่ามาริจัน ชายชราซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสุลต่านแห่งยอกยาการ์ตาให้เป็นผู้ดูแลภูเขาไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
มาริจันยืนกรานว่า จะสวดมนต์อ้อนวอนเทพเจ้าอยู่ภายในบ้านซึ่งอยู่ใกล้ปากปล่องภูเขาไฟ และยอมตายในหน้าที่หลังเกิดการปะทุเพียงไม่กี่นาที ความเสียสละของผู้เฒ่าได้กลายเป็นตำนานเล่าขานของหมู่บ้านแห่งนี้ไปแล้ว
ปานัต บุตรสาววัย 59 ปี ของ มาริจัน ซึ่งขายอาหารและเครื่องดื่มแก่นักท่องเที่ยว เล่าว่า จำนวนผู้มาเยือนบ้านของบิดาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
“ถึงจะมีคนมาที่นี่มากขึ้น แต่ฉันก็ยังยากจนอยู่เพราะบ้านพังไปแล้ว รัฐบาลควรจะหาบ้านใหม่ให้กับพวกเราด้วย” ปานัตกล่าว
จาห์โย ซูนาร์โก นักศึกษาวัย 22 ปีจากเมืองมาเกลัง กล่าวว่า ตนไม่พอใจที่คนจำนวนมากเห็นภูเขาไฟเมราปีเป็นเพียงสถานที่พักผ่อน
“คุณก็เห็นว่าทุกอย่างถูกทำลายไปหมด นี่ควรเป็นสิ่งเตือนใจว่าพระเจ้าสามารถนำทุกสิ่งไปจากเราได้ในชั่วพริบตา”