นักวิเคราะห์บล.เอเซียพลัส แนะนักลงทุนเก็บกองทุนสิทธิการเช่าอสังหาฯสนามบินสมุย และกองทุนอสังหาฯไทคอน เข้าพอร์ตหลังประเมินผลประกอบการปี 54 ของทั้งสองกองทุนยังสดใส มั่นใจยังจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) งวดไตรมาสที่ 4/53 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 202.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% yoy โดยหลักคงมาจากค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ลดลงเหลือ 9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 18.17 ล้านบาทในงวด 4Q52 เป็นเพราะหมดภาะระค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชีตัดจ่าย ทำให้ไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวเหมือนงวดไตรมาสที่ 4/52 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายที่บันทึกจำนวน 9 ล้านบาท สำหรับในส่วนของรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% yoy อยู่ที่ 211.12 ล้านบาท
ทั้งนี้งวดไตรมาสที่ 4/53 มีการบันทึกรายการพิเศษขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนซึ่งเกิดจากการประเมินสินทรัพย์ที่ลดลงประมาณ 10.96ล้านบาท น้อยลงจากงวดไตรมาสที่ 4/52 ที่บันทึกขาดทุน 26.09 ล้านบาท หากหักรายการดังกล่าวแล้วกองทุน SPF มีผลกำไร 191.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% yoy โดยสรุปทั้งปี 2553 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 883.86 ล้านบาท เติบโต 12% yoy แต่มีผลกำไรสุทธิ 403.49 ล้านบาท ลดลง38.5% yoy จากรายการขาดทุนการประเมินราคาสินทรัพย์จำนวน 480.37 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการปรับปรุงทางบัญชีไม่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินสด
โดยทิศทางการดำเนินงานปี 2554 คาดยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่งวดไตรมาสที่ 1/54 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของท่องเที่ยวไทย และท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่สงบนิ่ง นับจากการประกาศยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน ธ.ค .2553และภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าในประเทศยุโรป และ เอเชีย ที่ฟื้นตัวดีขึ้น คาดจะปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาสมุยเพิ่มขึ้นได้ โดยปี 2554 ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสมุย และ จำนวนเที่ยวบินลงสู่สนามบินเพิ่มขึ้น 5% yoy และ 3% yoy ตามลำดับ ด้วยองค์ประกอบดังกล่าว จึงคาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ 921.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% yoy
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส คาดว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยะประกาศจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 4/53 และบางส่วนจากกำไรสะสมรวมจำนวน 0.21 บาท/หน่วย เมื่อรวมกับงวด 9M53 ทั้งปี 2553 จะคิดเป็นเงินปันผลรวม 0.92 บาท/หน่วย เทียบเท่า Annualized Div Yield สูง 9.4% ต่อปี เมื่อรวมกับราคาปัจจุบันที่ยังต่ำกว่า NAV ล่าสุดเดือน ธ.ค. 2553 ที่ 11.0208 บาท และ คาดการณ์ NAV สิ้นปี 2554 ที่ 10.82 บาท คิดเป็นส่วนลด 11.5% และ 10% ตามลำดับซึ่งเราคงแนะนำซื้อ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส ระบุต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND ) งวดไตรมาสที่ 4/53 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิตามคาด 177.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% yoy โดยหลักมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต 29.3% yoy เท่ากับ 227.32 ล้านบาท อันเป็นมาจากการเพิ่มทุนซื้อโรงงานใหม่ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. 2553 รวม 35 โรง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่า 8.59 หมื่นตารางเมตร ส่งผลให้พื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 22% เป็น 4.83 แสนตารางเมตร
ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยงวด ไตรมาสที่ 4/53 ยืนระดับสูง 94% และอัตราค่าเช่าทรงตัวเฉลี่ย 170 บาท/ตารางเมตร/เดือน สำหรับค่าใช้จ่ายของกองทุนงวดไตรมาสที่ 4/53 แม้เพิ่มขึ้น 60% yoy อยู่ที่ 58.55 ล้านบาท แต่ด้วยฐานค่าใช้จ่ายที่ต่ำ เมื่อเทียบกับการเติบโตของฐานรายได้ ทำให้งวดไตรมาสที่ 4/53 จึงมีกำไรดังข้างต้น และผลักดันให้ทั้งปี 2553 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% yoy
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการปี 2554 โดยคาดจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนโรงงานใหม่35 โรง ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม 100% เข้ามาสร้างรายได้เต็มปีมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของโรงงานเดิม (ก่อนการเพิ่มทุนรวม 174 โรง) ก็มีทิศทางสดใส ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้มีกลุ่มผู้เช่าโรงงานขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งคาดจะส่งผลให้อัตราการเช่าเฉลี่ยของโรงงานปี 2554 เพิ่มเป็น 95% ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยประเมินไว้ที่ 172 บาท/ตารางเมตร/เดือน โดยภาพรวมจึงประเมินรายได้ค่าเช่าและบริการ 945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% yoy และมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 767.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% yoy
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยคาดงวดไตรมาสที่ไตรมาสที่ 4/53 จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลเหมือนทุกครั้งในอัตราหน่วยละ 0.2 บาทและทั้งปี 2553 คิดเป็นเงินปันผลรวม 0.8 บาท/หน่วย หรือ Div Yield 6.7% ต่อปี นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี 2554 ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของผลประกอบการและเงินปันผลมากขึ้นในอนาคต (ยังไม่รวมในประมาณการ) จึงแนะนำซื้อลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) งวดไตรมาสที่ 4/53 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 202.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% yoy โดยหลักคงมาจากค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ลดลงเหลือ 9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 18.17 ล้านบาทในงวด 4Q52 เป็นเพราะหมดภาะระค่าใช้จ่ายรอตัดบัญชีตัดจ่าย ทำให้ไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวเหมือนงวดไตรมาสที่ 4/52 ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายที่บันทึกจำนวน 9 ล้านบาท สำหรับในส่วนของรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% yoy อยู่ที่ 211.12 ล้านบาท
ทั้งนี้งวดไตรมาสที่ 4/53 มีการบันทึกรายการพิเศษขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินลงทุนซึ่งเกิดจากการประเมินสินทรัพย์ที่ลดลงประมาณ 10.96ล้านบาท น้อยลงจากงวดไตรมาสที่ 4/52 ที่บันทึกขาดทุน 26.09 ล้านบาท หากหักรายการดังกล่าวแล้วกองทุน SPF มีผลกำไร 191.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% yoy โดยสรุปทั้งปี 2553 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 883.86 ล้านบาท เติบโต 12% yoy แต่มีผลกำไรสุทธิ 403.49 ล้านบาท ลดลง38.5% yoy จากรายการขาดทุนการประเมินราคาสินทรัพย์จำนวน 480.37 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการปรับปรุงทางบัญชีไม่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินสด
โดยทิศทางการดำเนินงานปี 2554 คาดยังเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเริ่มเห็นตั้งแต่งวดไตรมาสที่ 1/54 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของท่องเที่ยวไทย และท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศที่สงบนิ่ง นับจากการประกาศยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน ตั้งแต่เดือน ธ.ค .2553และภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าในประเทศยุโรป และ เอเชีย ที่ฟื้นตัวดีขึ้น คาดจะปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาสมุยเพิ่มขึ้นได้ โดยปี 2554 ฝ่ายวิจัยกำหนดสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสมุย และ จำนวนเที่ยวบินลงสู่สนามบินเพิ่มขึ้น 5% yoy และ 3% yoy ตามลำดับ ด้วยองค์ประกอบดังกล่าว จึงคาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ 921.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% yoy
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส คาดว่า กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยะประกาศจ่ายเงินปันผลจากการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 4/53 และบางส่วนจากกำไรสะสมรวมจำนวน 0.21 บาท/หน่วย เมื่อรวมกับงวด 9M53 ทั้งปี 2553 จะคิดเป็นเงินปันผลรวม 0.92 บาท/หน่วย เทียบเท่า Annualized Div Yield สูง 9.4% ต่อปี เมื่อรวมกับราคาปัจจุบันที่ยังต่ำกว่า NAV ล่าสุดเดือน ธ.ค. 2553 ที่ 11.0208 บาท และ คาดการณ์ NAV สิ้นปี 2554 ที่ 10.82 บาท คิดเป็นส่วนลด 11.5% และ 10% ตามลำดับซึ่งเราคงแนะนำซื้อ
ฝ่ายวิจัยบล.เอเชียพลัส ระบุต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND ) งวดไตรมาสที่ 4/53 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิตามคาด 177.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% yoy โดยหลักมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการเติบโต 29.3% yoy เท่ากับ 227.32 ล้านบาท อันเป็นมาจากการเพิ่มทุนซื้อโรงงานใหม่ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. 2553 รวม 35 โรง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่า 8.59 หมื่นตารางเมตร ส่งผลให้พื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 22% เป็น 4.83 แสนตารางเมตร
ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยงวด ไตรมาสที่ 4/53 ยืนระดับสูง 94% และอัตราค่าเช่าทรงตัวเฉลี่ย 170 บาท/ตารางเมตร/เดือน สำหรับค่าใช้จ่ายของกองทุนงวดไตรมาสที่ 4/53 แม้เพิ่มขึ้น 60% yoy อยู่ที่ 58.55 ล้านบาท แต่ด้วยฐานค่าใช้จ่ายที่ต่ำ เมื่อเทียบกับการเติบโตของฐานรายได้ ทำให้งวดไตรมาสที่ 4/53 จึงมีกำไรดังข้างต้น และผลักดันให้ทั้งปี 2553 มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% yoy
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการปี 2554 โดยคาดจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากจำนวนโรงงานใหม่35 โรง ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม 100% เข้ามาสร้างรายได้เต็มปีมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของโรงงานเดิม (ก่อนการเพิ่มทุนรวม 174 โรง) ก็มีทิศทางสดใส ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้มีกลุ่มผู้เช่าโรงงานขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งคาดจะส่งผลให้อัตราการเช่าเฉลี่ยของโรงงานปี 2554 เพิ่มเป็น 95% ขณะที่อัตราการเช่าเฉลี่ยประเมินไว้ที่ 172 บาท/ตารางเมตร/เดือน โดยภาพรวมจึงประเมินรายได้ค่าเช่าและบริการ 945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% yoy และมีรายได้จากการลงทุนสุทธิ 767.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% yoy
นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยคาดงวดไตรมาสที่ไตรมาสที่ 4/53 จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลเหมือนทุกครั้งในอัตราหน่วยละ 0.2 บาทและทั้งปี 2553 คิดเป็นเงินปันผลรวม 0.8 บาท/หน่วย หรือ Div Yield 6.7% ต่อปี นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี 2554 ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของผลประกอบการและเงินปันผลมากขึ้นในอนาคต (ยังไม่รวมในประมาณการ) จึงแนะนำซื้อลงทุนเพื่อรับเงินปันผล