ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส มองกองทุนอสังหาฯไทคอนเตรียมปันผลประมาณ 7% ต่อปี หลังธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าในไตรมาส 4 ปี53 สดใสหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมประเมินโรงงานใหม่อีก 35 โรงงานมีอัตราเช่าเต็ม 100%
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND ) กล่าวว่า ธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้างวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 มีทิศทางสดใสมากขึ้น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว และการเมืองสงบนิ่ง โดยผู้เช่าโรงงานเดิมที่หมดสัญญาลงใน ไตรมาสที่ 4ปี 2553 ได้ต่อสัญญาใหม่เกือบทั้งหมดอีกทั้งยังมีผู้เช่าใหม่เข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้อัตราการเช่าเฉลี่ยงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553เพิ่มเป็น 94% เทียบกับ91.8% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 เมื่อรวมกับการเพิ่มทุนซื้อโรงงานใหม่เข้ามาเพิ่มตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. 2553จำนวน 35 โรง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่า 8.59 หมื่นตารางเมตร ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 22%เป็น 4.83 แสนตารางเมตร คาดจะผลักดันให้รายได้ค่าเช่าและบริการงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 อยู่ที่ 222.6ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% yoy ทั้งนี้หากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน ซึ่งประเมินไว้ 44.6 ล้านบาทคาดรายได้จากการลงทุนสุทธิงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 เท่ากับ 178.9 ล้านบาท เติบโต 28% yoy และส่งผลให้ทั้งปี 2553 คาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ 611.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% yo y
สำหรับแนวโน้มในไตรมาสที่1ปี2454นั้นเราคาดเติบโตต่อเนื่องจาก ไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากโรงงานใหม่ 35 โรงซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม 100% จะเข้ามาสร้างรายได้เต็มไตรมาสมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของโรงงานเดิม (ก่อนเพิ่มทุนรวม 174 โรง) ก็จะสามารถบันทึกค่าเช่าได้เต็มที่ หลังจากงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 มีการเว้นค่าเช่าบางส่วนให้กับลูกค้าใหม่ในช่วงแรกของการเช่าโรงงานเพื่อติดตั้งเครื่องจักรเป็นเวลา 1เดือน สำหรับภาพรวมทั้งปี 2554 คงประมาณการเดิม โดยคาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ767.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% yoy
อย่างไรก็ตามระดับราคาปัจจุบันของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะสูงกว่าคาดการณ์ NAV สิ้นปี 2554 แต่ด้วยผลตอบแทนเงินปันผลที่มั่นคงต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 คาดจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 0.20 บาทเหมือนทุกครั้ง และส่งผลให้ทั้งปีจ่ายเงินปันผลแน่นอนอย่างน้อย 0.8 บาท/หน่วยหรือ คิดเป็น Annualized Div Yield เกือบ 7% ต่อปี นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของผลประกอบการและเงินปันผลมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นด้วยความคาดหวังดังกล่าว ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำจาก ถือเป็น ทยอยซื้อลงทุน โดยคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้เพิ่มทุนครั้งที่4 ในเดือนตุลาคม 2553 ประมาณ 2,809 ล้านบาท หรือ1.6 เท่า จากมูลค่าที่เสนอขาย 1,715 ล้านบาท โดยการระดมทุนตั้งนี้นั้น กองทุนจะเข้าซื้อทรัพย์สินจากบมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (Ticon) ซึ่งประกอบด้วยที่ดินและอาคารโรงงาน รวม 36 โรง รวมพื้นที่ประมาณ 89,685 ตารางเมตร ส่งผลให้ TFUND เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน พร้อมโรงงานและคลังสินค้ารวมจำนวน 210 โรง หรือคิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 487,109.5 ตารางเมตร โดยบลจ.บัวหลวงมองว่า สินทรัพย์ที่จะเพิ่มทุนเข้ามานั้นมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ซึ่งจะทำให้อัตราการเช่าพื้นที่หลังเพิ่มทุนขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 93.5%
รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND ) กล่าวว่า ธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้างวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 มีทิศทางสดใสมากขึ้น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว และการเมืองสงบนิ่ง โดยผู้เช่าโรงงานเดิมที่หมดสัญญาลงใน ไตรมาสที่ 4ปี 2553 ได้ต่อสัญญาใหม่เกือบทั้งหมดอีกทั้งยังมีผู้เช่าใหม่เข้ามาเพิ่ม ส่งผลให้อัตราการเช่าเฉลี่ยงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553เพิ่มเป็น 94% เทียบกับ91.8% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 เมื่อรวมกับการเพิ่มทุนซื้อโรงงานใหม่เข้ามาเพิ่มตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. 2553จำนวน 35 โรง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่า 8.59 หมื่นตารางเมตร ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 22%เป็น 4.83 แสนตารางเมตร คาดจะผลักดันให้รายได้ค่าเช่าและบริการงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 อยู่ที่ 222.6ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% yoy ทั้งนี้หากหักค่าใช้จ่ายของกองทุน ซึ่งประเมินไว้ 44.6 ล้านบาทคาดรายได้จากการลงทุนสุทธิงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 เท่ากับ 178.9 ล้านบาท เติบโต 28% yoy และส่งผลให้ทั้งปี 2553 คาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ 611.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% yo y
สำหรับแนวโน้มในไตรมาสที่1ปี2454นั้นเราคาดเติบโตต่อเนื่องจาก ไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากโรงงานใหม่ 35 โรงซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม 100% จะเข้ามาสร้างรายได้เต็มไตรมาสมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของโรงงานเดิม (ก่อนเพิ่มทุนรวม 174 โรง) ก็จะสามารถบันทึกค่าเช่าได้เต็มที่ หลังจากงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 มีการเว้นค่าเช่าบางส่วนให้กับลูกค้าใหม่ในช่วงแรกของการเช่าโรงงานเพื่อติดตั้งเครื่องจักรเป็นเวลา 1เดือน สำหรับภาพรวมทั้งปี 2554 คงประมาณการเดิม โดยคาดหมายรายได้จากการลงทุนสุทธิ767.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% yoy
อย่างไรก็ตามระดับราคาปัจจุบันของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน จะสูงกว่าคาดการณ์ NAV สิ้นปี 2554 แต่ด้วยผลตอบแทนเงินปันผลที่มั่นคงต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยงวดไตรมาสที่ 4ปี 2553 คาดจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลหน่วยละ 0.20 บาทเหมือนทุกครั้ง และส่งผลให้ทั้งปีจ่ายเงินปันผลแน่นอนอย่างน้อย 0.8 บาท/หน่วยหรือ คิดเป็น Annualized Div Yield เกือบ 7% ต่อปี นอกจากนี้แผนการลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะผลักดันการเติบโตของผลประกอบการและเงินปันผลมากขึ้นในอนาคต ดังนั้นด้วยความคาดหวังดังกล่าว ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำจาก ถือเป็น ทยอยซื้อลงทุน โดยคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้เพิ่มทุนครั้งที่4 ในเดือนตุลาคม 2553 ประมาณ 2,809 ล้านบาท หรือ1.6 เท่า จากมูลค่าที่เสนอขาย 1,715 ล้านบาท โดยการระดมทุนตั้งนี้นั้น กองทุนจะเข้าซื้อทรัพย์สินจากบมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น (Ticon) ซึ่งประกอบด้วยที่ดินและอาคารโรงงาน รวม 36 โรง รวมพื้นที่ประมาณ 89,685 ตารางเมตร ส่งผลให้ TFUND เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน พร้อมโรงงานและคลังสินค้ารวมจำนวน 210 โรง หรือคิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 487,109.5 ตารางเมตร โดยบลจ.บัวหลวงมองว่า สินทรัพย์ที่จะเพิ่มทุนเข้ามานั้นมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ซึ่งจะทำให้อัตราการเช่าพื้นที่หลังเพิ่มทุนขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 93.5%