ผลการดำเนินงานงวดปี 53 ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยลดลงหลังผู้ประเมินราคาปรับสมมติฐานลดนักท่องเที่ยวและคนมาใช้บริการสนามบิน ขณะที่กำไรกองทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานางวดปี 53 ลดลงเช่นกันเหตุผู้ประเมินราคามองตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ซบเซาจากเศรษฐกิจชะลอตัว
นายชินวัตร สำราญอยู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย งวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 มีกำไรสุทธิ 403.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.42 บาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมียอดกำไรสุทธิ 656.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.69 บาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานสำรหรับงวดปี 2553 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 883.86 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันปีก่อนหน้าอยู่ที่ 78872 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 12.26%
โดยกองทุนดังกล่าวมีบันทึกผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการประเมินราคาสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับปรุงให้เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนรวม โดยรอบระยะเวลาสำหรับงวดปี 2553 กองทุนมีขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 480.41 ล้านบาท และงวดเดียวกันของปีก่อนหน้ากองทุนมีส่วนขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 141.74 ล้านบาท หรือคิดเป็น -238.94%
ทั้งนี้ ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงข้างต้น ส่วนใหญ่เกิดจากการประเมินราคาสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ลดลง ซึ่งการลดลงของราคาประเมินดังกล่าวมีสาเหตุมาจาก สถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง ผู้ประเมินราคาจึงปรับสมมติฐานที่ใช้ในการประเมินราคาทรัพย์สิน โดยลดอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว และลดจำนวนประมาณการของเครื่องบินที่ลงสู่สนามบินสมุย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิข้างต้น
อย่างไรก็ตามการลดลงของราคาประเมินดังกล่าวข้างต้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิประจำงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกินกว่าร้อยละ 20 โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาประเมินไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานของสนามบินแต่อย่างใด
นายชินวัตร กล่าวต่อว่า ส่วนผลการดำเนินงาน กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เออร์บานา (URBNPF) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ซึ่งมีขาดทุนสุทธิ 84.71 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่1.18 บาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมียอดกำไรสุทธิ 46.33 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิต่อกำไรสุทธิต่อหน่วยลงทุน 0.64 บาท ซึ่งคิดเป็นการเปลี่ยนแปลงลดลงเกินกว่าร้อยละ 20
โดยผลการดำเนิงานงวดปี 2553 กองทุนมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 62.29 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันในปีก่อนหน้ากองทุนมีกำไรอยู่ที่ 64.33 ล้านบาท ซึ่งเปลี่ยนแปลง -3.17%
ขณะที่การบันทึกผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการประเมินราคาสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับปรุงให้เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนรวมงวดปี 2553 กองทุนขาดทุนสุทธิ 147 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดเดียวกันในปีก่อนหน้ากองทุนมีขาดทุนสุทธิ 18.00 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -716.67%
ทั้งนี้ การลดลงของราคาประเมินดังกล่าวข้างต้นมีสาเหตุมาจากการคาดการณ์ว่าตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ, วิกฤตทางการเงิน, ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงระดับการแข่งขันในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประเมินราคาได้ปรับสมมติฐานที่ใช้ในการประเมินราคาทรัพย์สิน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์