xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ปี54กม.คุ้มครองเงินฝากลงตัว ศก.เอื้อ-ผู้ออมปรับตัวรอล่วงหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ปี 54 จังหวะเหมาะ จำกัดวงเงินคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 50 ล้านบาท หลังเศรษฐกิจในประเทศเอื้อ ในขณะที่ผู้ฝากเงิน เข้าใจกฏหมาย พร้อมปรับตัวรอล่วงหน้าแล้ว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแพร่รายงานเรื่อง "สถาบันคุ้มครองเงินฝาก : ความลงตัวของจังหวะการทยอยลดวงเงินคุ้มครอง" โดยระบุว่า ปีนี้ ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของระบบสถาบันการเงินไทย เพราะในอีก 8 เดือนข้างหน้า (สิงหาคม 2554) การคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวนจะสิ้นสุดลง และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จะเริ่มจำกัดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ภายใต้วงเงินสูงสุด ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน ก่อนจะทยอยลดการคุ้มครองลงเรื่อยจนกระทั่งเหลือวงเงินคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อรายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปี 2554 นี้ ถือเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้า เนื่องจากประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายประการ ประการแรก คือ ภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจไทยและความเชื่อมั่น ซึ่งมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น เห็นได้จากความเชื่อมั่นของภาคเอกชนที่ทยอยฟื้นตัวขึ้น และตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2553 ที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี

ประการที่ 2 สถาบันการเงินมีสถานะที่มั่นคง ภายใต้ประสิทธิภาพการกำกับดูแลที่สูงขึ้น โดยการพัฒนาสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและการกำกับดูแลสถาบันการเงินไทยให้มีมาตรฐานในระดับสากลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการพัฒนาสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ระยะที่ 1-2), การบังคับใช้เกณฑ์การดำรงเงินกองทุน Basel lI, การกำกับดูแลสถาบันการเงินตามแนวความเสี่ยง (Risk-based Supervision) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินต้องมีเงินกองทุนที่รองรับความเสี่ยงอย่างเพียงพอ มีการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและมีการบริหารงานที่ได้มาตรฐาน รวมถึง การกำกับดูแลสถาบันการเงินแบบรวมกลุ่ม (Consolidated Supervision) ภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน และพ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยฉบับใหม่ (พ.ศ. 2551) ถือเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้สถาบันการเงินไทยรวมถึงหน่วยงานกำกับดูแล มีความเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป

ประการที่ 3 จำนวนบัญชีเงินฝากส่วนใหญ่ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก ในภาพรวมแล้ว การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 50 ล้านบาทต่อรายผู้ฝากเงินต่อสถาบันการเงินในเดือนสิงหาคม 2554 นี้ คาดว่าจะมีผลกระทบในขอบเขตที่จำกัดเมื่อประเมินจากมิติของจำนวนบัญชีเงินฝาก ทั้งนี้ เนื่องจากมีเพียง 9,433 บัญชี หรือคิดเป็น 0.01% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมดเท่านั้น ที่จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือคิดเป็นมูลค่าวงเงินรวม 1,728,712 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.86% ของเงินฝากทั้งระบบ ขณะที่ผู้ฝากเงินกว่า 99.99% มูลค่าวงเงินรวม 5,515,179 ล้านบาท ยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากการลดวงเงินคุ้มครองดังกล่าว

ประการที่ 4 ผู้ฝากเงินมีความรู้ความเข้าใจต่อระบบประกันเงินฝากมากขึ้น การขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝากแบบเต็มจำนวน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนมีการรับรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบคุ้มครองเงินฝากมากขึ้น ผ่านการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก

ประการที่ 5 ผู้ฝากเงินได้ทยอยจัดสรรและกระจายเงินออมบางส่วนไปแล้ว ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ เห็นได้จากตัวเลขสัดส่วนเงินฝากต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่มีทิศทางชะลอลง ขณะที่ เงินฝากในสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เงินลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆ (โดยเฉพาะกองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้) และเงินลงทุนในประกันชีวิต มีทิศทางการขยายตัวที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ออมคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงขึ้น จากการออมหรือการลงทุนในทางเลือกดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อมองออกไปในปี 2554 คาดว่า ทิศทางแนวโน้มดังกล่าว จะปรากฎขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจและสินเชื่อที่ยังคงรักษาโมเมนตัมการขยายตัวไว้ได้ น่าจะช่วยหนุนให้ สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับการบริหารสภาพคล่องให้เพียงพอและเอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจในระยะข้างหน้า ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าไว้ ซึ่งเมื่อผนวกปัจจัยดังกล่าว กับแนวโน้มขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ก็อาจหมายความถึง การแข่งขันด้านราคาของเงินฝากและด้านผลิตภัณฑ์เงินออมที่คงทวีความรุนแรงขึ้น นอกจากนั้น การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากในปีนี้ คงเป็นปัจจัยเสริมให้การแข่งขันระดมเงินออมทั้งระหว่างช่องทางการออมและระหว่างสถาบันการเงินชัดเจนและเข้มข้นขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้ว คงนำมาสู่รูปแบบการออกผลิตภัณฑ์เงินออมใหม่ๆมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น