xs
xsm
sm
md
lg

กุรูมองระยะสั้นSETยังผันผวน แนะนักลงทุนลดพอร์ตหุ้นไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล
โบรกเกอร์กองทุนรวมมองหุ้นไทยผันผวนในช่วงสั้นๆ หลังนักลงทุนต่างชาติเทขายทำกำไร แต่ระยะยาวยังมีโอกาสไปต่อเหตุ พื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง เตือนนักลงทุนลดพอร์ตหุ้นไทยไปก่อน พร้อมแนะนักลงทุนกองทุน LTF เก็บ KSDLTF หรือ 1SMART-LTF เข้าพอร์ต ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นได้

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยโดยพื้นฐานจะยังคงแข็งแกร่ง แต่ด้วยแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงจนทำให้แนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง เราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นไทยในระยะสั้นนี้ สำหรับนักลงทุนกองทุน LTF ที่ประสงค์จะลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวน เราแนะนำให้ทำการสับเปลี่ยนเข้ากองทุน KSDLTF (K Strategic Defensive LTF)ของบลจ.กสิกรไทย หรือ 1SMART-LTF ของบลจ.วรรณ

ขณะที่การลงทุนระยะยาวเรายังคงเชื่อมั่นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แม้ว่าระยะสั้นอาจเห็นความผันผวนจากภาวะเงินเฟ้อและการปรับสมดุลนโยบายการเงินที่เกิดขึ้นในภูมิภาค เราจึงยังคงแนะนำทยอยสะสมกองทุนตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Fund) ทั้งกองทุนตราสารหนี้และกองทุนหุ้นเมื่อเห็นระดับ NAV ปรับตัวลดลง โดยเรายังคงแนะนำเป็น ABGEM และ ABAPAC ของบลจ.Aberdeen ขณะที่กองทุนจีนคาดว่าจะเห็นความผันผวนจากการออกมาตรการควบคุมเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าสะสมกองทุนจีนเพื่อการลงทุนในระยะยาว แนะนำสะสมกองทุนจีน ABCG (Aberdeen China Gateway Fund) ซึ่งกลยุทธ์ในการเลือกหุ้นของกองทุนที่ลงทุนในกลุ่มธนาคารจีน (Mainland China) เพียงเล็กน้อยทำให้ลดผลกระทบจากเรื่องมาตรการและการควบคุมสินเชื่อได้ และกองทุนยังคงได้ประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำทั้งหมด ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้อาจมีผลกำไรหรือขาดทุนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในค่าเงิน จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนได้

ในส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เรายังคงแนะนำให้สะสมเพิ่มกองทุน TMB Global Bond Fund ของบลจ.ทหารไทย ที่เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยยังเชื่อว่าค่าเงินของประเทศดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ แม้ว่าระยะสั้นจะเห็นความผันผวนจากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนส่วนทองคำและน้ำมันเรายังคงคำแนะนำเดิมต่อไป โดยกองทุนน้ำมันยังคงแนะนำในลักษณะ ขึ้นขาย-ลงซื้อ ภายใต้กรอบการแกว่งตัวของราคาที่ 84-94 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล ขณะที่ทองคำระยะสั้นมองว่าอยู่ในแนวโน้มขาลงชัดเจน แต่ด้วยเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่ยังเปราะบางทำให้แนวโน้มระยะกลาง-ยาวยังคงเป็นขาขึ้น แนะนำสะสมเพิ่มเมื่อราคาอ่อนตัวมาที่ระดับแนวรับ 1,260 - 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ กองทุนน้ำมันเเละทองคำที่เเนะนำได้เเก่ K-OIL เเละ K-GOLD ของบลจ.กสิกรไทย

นายสานุพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลดลงด้วยปัจจัยเดิมๆคือความกังวลเกี่ยวกับนโยบายคุมเข้มทางเศรษฐกิจและการเงิน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลยิ่งเพิ่มหนักหลังตัวเลข GDP Growthไตรมาส 4/53 ขยายตัวที่ 9.8% สูงกว่า 9.6% ในไตรมาสก่อนหน้าและคาดการณ์ตลาด ที่ 9.2% ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธค.53 เพิ่มขึ้น 4.6% แม้ชะลอตัวลงจาก5.1% ในเดือนพย. แต่ก็ยังสูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.2% ก่อให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลอาจต้องเพิ่มความพยามในการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจด้วยมาตรการที่เข้มงวดกว่าที่ผ่านมา ส่วนฮ่องกง ตลาดหุ้นแม้ได้แรงหนุนจากฤดูประกาศผลประกอบการแต่ท้ายสุดก็ซึมลงจากความกังวลเกี่ยวกับจีน )สำหรับไทย SET ยังคงถูกกดดันด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างชาติเช่นเดียวกับในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
กำลังโหลดความคิดเห็น