ผู้จัดการกองทุนบลจ.อยุธยา ยังเชื่อ ดัชนีปรับฐานระยะสั้น ลุ้นสัปดาห์หน้ารีบานด์กลับหลัก 1,000 จุด เผยควักเงินกองทุนในพอร์ตเก็บของถูก พร้อมสบจังหวะกองทุนใหม่ "กรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต 3" ได้ซื้อหุ้นในราคาถูก
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ เชื่อว่าดัชนีจะปรับฐานไม่เกิน 950 จุด ซึ่งการปรับฐานกว่า 40 จุด เมื่อวันจันทร์ (24 ม.ค.) ที่ผ่านมา ถือว่าเหนือความคาดหมาย เพราะเดิมทีเรามองว่าในช่วงเดือนมกราคมจะมีการปรับฐาน แค่ไม่คิดว่าจะปรับฐานลงแรงขนาดนี้ หรือจะหลุด 980 จุด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในระยะกลางถึงระยะยาวแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่ดี ค่า P/E เองก็ยังถือว่าไม่แพงมากหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ทั้งนี้ การปรับฐานดังกล่าว มองว่ามาจากนักลงทุนต่างชาติขายเป็นหลัก โดยไม่มีนัยยะสำคัญอย่างอื่นแต่อย่างใด ประกอบกับนักลงทุนเองเพนิคกับการที่ดัชนีหุ้นปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนบางส่วนที่เห็นว่ากำไรแล้ว หรือนักลงทุนที่ยังไม่ได้ขายเมื่อปีที่แล้ว เทขายหุ้นออกมาด้วย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในครั้งนี้ จะไม่กลับออกไปทั้งหมด เพราะเป็นเช่นนั้น เงินคงต้องออกไปทั้งภูมิภาค
"มองว่าการปรับฐานดังกล่าวเป็นการปรับฐานในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งหากดัชนีลงแรงเช่นนี้ ก็มีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดยมองว่าในช่วงสัปดาห์หน้า มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะรีบานด์ขึ้นไปแตะระดับ 1,000 จุดได้ แต่หากดัชนีปรับฐานลงไปกว่านี้ ก็อาจมีความเป็นไปได้ช้าลง"นายประภาสกล่าว
นายประภาส กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ตลาดปรับฐานเช่นนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการเข้าไปลงทุน ซึ่งในส่วนของกองทุนหุ้นในพอร์ต ก็มีเงินสดสะสมเพียงพอในการเข้าไปลงทุนหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก แม้ในระยะสั้นอาจจะมีขาดทุนบ้างจากราคาที่ปรับลดลง ขณะเดียวกัน ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่เห็นโอกาสเข้ามาลงทุนเพิ่ม ทั้งกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ด้วย
นอกจากนี้ ยังเป็นจังหวะดีในการลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต 3 (KFEQ10-3) ที่อยู่ระหว่างการเสนอขายไอพีโอวันนี้ (26 ม.ค.) เป็นวันสุดท้ายด้วย โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีแนวโน้มการเติบโตสูงโดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่อาศัยความเชี่ยวชาญในการเลือกหลักทรัพย์และความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์เพื่อสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม
ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต 3 เป็นกองทุนที่กำหนดเป้าหมายและจ่ายคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มประมาณ10% หรือไม่ต่ำกว่า 11.11 บาทต่อหน่วย ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีหรือน้อยกว่า
ก่อนหน้านี้ นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อยุธยา กล่าวว่า บริษัทมีมุมมองในเชิงบวกกับตลาดหุ้นไทยที่ยังคงน่าลงทุน เมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปี 2554 ยังคงขยายตัวในระดับดีด้วยการขับเคลื่อนจากการบริโภคและการลงทุน รวมถึงเมื่อพิจารณาถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย พบว่ายังอยู่ในระดับดีและคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องราว 18-20%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับประโยชน์จากกระแสเงินทุนไหลเข้า อีกทั้งการคาดการณ์ P/E ของตลาดหุ้นไทยในปี 2554 ถึงแม้ว่าจะมีความใกล้เคียงกับตลาดภูมิภาค แต่อัตราการเติบโตของกำไร (EPS Growth) จะสูงกว่าหลายเท่า ซึ่งในระยะเวลาอันสั้น กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 10% ทาร์เก็ต 3 จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ลงทุนที่ยังคงสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทย