นักลงทุนติดใจกองตราสารหนี้ระยะสั้น บลจ.รวงข้าวเร่งเปิดกอง 3 รับดีมานด์นักลงทุนตั้งแต่วันนี้ถึง 19 มกราคมนี้ ชูยิลด์ 2.00% ต่อปี เน้นนโยบายลงทุนเดิมผสมระหว่างบอนด์ไทยกับเงินฝากประจำแบงก์ยูเออี มั่นใจเรตติ้งดีอย่างดีการรันตีแถมปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ด้านไอเอ็นจี ร่วมวง ส่งกองสั้น 3 เดือนแชร์ส่วนแบ่ง
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายกองทุน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ที (KFI6MT) ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 13-19 มกราคม 2554 มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเปิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หลังจากกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอส (KFI6MS) และกองทุนเปิดเค พันธบัตร 3 เดือน แอล (KGB3ML) ซึ่งบริษัทได้เสนอขายไปในสัปดาห์แรกของปี 2554 ได้รับการตอบรับจาก ผู้ลงทุนอย่างดี
สำหรับกองทุนใหม่นี้ยังคงมุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 6 เดือน และเงินฝากประจำ 6 เดือนของธนาคาร Union National Bank (UNB) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งยังคงให้โอกาสรับผลตอบแทนในอัตราที่น่าสนใจ และผู้ลงทุนยังคลายกังวลเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เนื่องจากกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
โดยธนาคาร Union National Bank (UNB) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ โดยมีรัฐบาลอาบูดาบีถือหุ้นใหญ่ประมาณ 50 % และ รัฐบาลดูไบถือหุ้นอีกประมาณ 10 % ได้รับอันดับเครดิตเรตติ้ง A+ จาก Fitch
อย่างไรก็ตาม นอกจากโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุน KFI6MT แล้ว เมื่อกองทุนครบอายุ บริษัทจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปซื้อกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอย่างต่อเนื่อง
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2554 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 3M2” ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน โดยมีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน เพื่อตอบรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หรือรอจังหวะในการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในทิศทางขาขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2554 อีก 0.25% จากระดับ 2.00% สู่ระดับ 2.25% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
ขณะเดียวกัน ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ แม้จะมีการทยอยขายของนักลงทุนต่างประเทศออกมาบ้าง แต่ดัชนีราคาหุ้นก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1,000 จุด ทำให้นักลงทุนรอจังหวะให้ตลาดหุ้นปรับฐานหรือพักตัวลงมา จึงค่อยกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมีโอกาสเคลื่อนไหวอย่างผันผวน จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงตามข้อมูลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนจับจังหวะการลงทุนในหุ้นได้ยากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน เพราะนักลงทุนสามารถลดความผันผวนด้วยการรับผลตอบแทนที่แน่นอนในช่วง 3 เดือน อีกทั้งผลตอบแทนก็ยังสูงกว่าเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในระยะเวลาเดียวกันอีกด้วย
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการเสนอขายกองทุน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ที (KFI6MT) ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 13-19 มกราคม 2554 มีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.00% ต่อปี
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเปิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หลังจากกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอส (KFI6MS) และกองทุนเปิดเค พันธบัตร 3 เดือน แอล (KGB3ML) ซึ่งบริษัทได้เสนอขายไปในสัปดาห์แรกของปี 2554 ได้รับการตอบรับจาก ผู้ลงทุนอย่างดี
สำหรับกองทุนใหม่นี้ยังคงมุ่งลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย 6 เดือน และเงินฝากประจำ 6 เดือนของธนาคาร Union National Bank (UNB) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งยังคงให้โอกาสรับผลตอบแทนในอัตราที่น่าสนใจ และผู้ลงทุนยังคลายกังวลเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ เนื่องจากกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
โดยธนาคาร Union National Bank (UNB) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศ โดยมีรัฐบาลอาบูดาบีถือหุ้นใหญ่ประมาณ 50 % และ รัฐบาลดูไบถือหุ้นอีกประมาณ 10 % ได้รับอันดับเครดิตเรตติ้ง A+ จาก Fitch
อย่างไรก็ตาม นอกจากโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุน KFI6MT แล้ว เมื่อกองทุนครบอายุ บริษัทจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปซื้อกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนที่เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอย่างต่อเนื่อง
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2554 บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อยู่ระหว่างการเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 3M2” ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน โดยมีอายุการลงทุนเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน เพื่อตอบรับนักลงทุนที่สนใจกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หรือรอจังหวะในการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในทิศทางขาขึ้น หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2554 อีก 0.25% จากระดับ 2.00% สู่ระดับ 2.25% เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ขยับสูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป
ขณะเดียวกัน ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ แม้จะมีการทยอยขายของนักลงทุนต่างประเทศออกมาบ้าง แต่ดัชนีราคาหุ้นก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1,000 จุด ทำให้นักลงทุนรอจังหวะให้ตลาดหุ้นปรับฐานหรือพักตัวลงมา จึงค่อยกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นมีโอกาสเคลื่อนไหวอย่างผันผวน จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงตามข้อมูลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนจับจังหวะการลงทุนในหุ้นได้ยากขึ้น ซึ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของนักลงทุน เพราะนักลงทุนสามารถลดความผันผวนด้วยการรับผลตอบแทนที่แน่นอนในช่วง 3 เดือน อีกทั้งผลตอบแทนก็ยังสูงกว่าเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในระยะเวลาเดียวกันอีกด้วย
