บลจ.กสิกรไทย 2กองตราสารหนี้ไทย-เทศ ล่อใจนักลงทุน 8-14 มีนาคมนี้ ชูผลตอบแทนกอง 1 ปี ซี 3.10% ต่อปี ส่วนกองอายุ 6 เดือนจ่ายยิลด์ประมาณ 2.6% ต่อปี มั่นใจไม่เสียโอกาสช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น เหตุแม้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นถึง 3% แต่เปรียบส่วนต่างหลังหักภาษีในแต่ละช่วงแล้วยังคุ้มกว่า
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ระหว่างวันที่ 8-14 มีนาคม โดยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KFF1YC) มีระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท น่าจะเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและผู้ที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นทั่วไป โดยกองทุนนี้จะมีประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนอยู่ที่ 3.10% ต่อปี
ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอ็กซ์ (KFI6MX) โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ 6 เดือนของสถาบันการเงินในประเทศ อาทิ ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกสิกรไทย พร้อมทั้งลงทุนในเงินฝากของธนาคาร Union National Bank หรือธนาคาร Emirates NBD ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอกาสรับผลตอบแทนอยู่ที่ 2.60% ต่อปี
นายพัชร กล่าวต่อว่า การลงทุนกับกองทุนดังกล่าวในสัปดาห์นี้ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นจากอัตราสวอป และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่โดยปกติแล้วการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และมีการปรับขึ้นเป็นช่วงๆ ดังนั้น แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นไปยืนที่ประมาณ 3.00% ในปลายปี เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนโดยเฉลี่ยในแต่ละช่วงหลังหักภาษีออกแล้ว เชื่อว่ากองทุน KFF1YC ยังสามารถให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า
นอกจากนี้ ในแง่นโยบายการลงทุน กองทุน KFF1YC มุ่งในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดีเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยจะลงทุนประมาณ 55% ในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (KEXIM) ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้น 100% และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A+ จาก FITCH ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ 1 ปี ของสถาบันการเงินในสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ได้แก่ ธนาคาร Union National Bank (UNB) ธนาคาร Emirates NBD หรือธนาคาร Barclays อันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ A+ / A+ และ AA- ตามลำดับ
นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ระหว่างวันที่ 8-14 มีนาคม โดยกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KFF1YC) มีระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี ขนาดกองทุน 5,000 ล้านบาท น่าจะเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและผู้ที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นทั่วไป โดยกองทุนนี้จะมีประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนอยู่ที่ 3.10% ต่อปี
ขณะที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน เอ็กซ์ (KFI6MX) โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 10,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ 6 เดือนของสถาบันการเงินในประเทศ อาทิ ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกสิกรไทย พร้อมทั้งลงทุนในเงินฝากของธนาคาร Union National Bank หรือธนาคาร Emirates NBD ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอกาสรับผลตอบแทนอยู่ที่ 2.60% ต่อปี
นายพัชร กล่าวต่อว่า การลงทุนกับกองทุนดังกล่าวในสัปดาห์นี้ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้นจากอัตราสวอป และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่โดยปกติแล้วการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และมีการปรับขึ้นเป็นช่วงๆ ดังนั้น แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นไปยืนที่ประมาณ 3.00% ในปลายปี เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนโดยเฉลี่ยในแต่ละช่วงหลังหักภาษีออกแล้ว เชื่อว่ากองทุน KFF1YC ยังสามารถให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า
นอกจากนี้ ในแง่นโยบายการลงทุน กองทุน KFF1YC มุ่งในตราสารหนี้ต่างประเทศคุณภาพดีเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยจะลงทุนประมาณ 55% ในตราสารหนี้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (KEXIM) ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลเกาหลีใต้ถือหุ้น 100% และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A+ จาก FITCH ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ 1 ปี ของสถาบันการเงินในสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ได้แก่ ธนาคาร Union National Bank (UNB) ธนาคาร Emirates NBD หรือธนาคาร Barclays อันดับความน่าเชื่อถือจาก FITCH ที่ A+ / A+ และ AA- ตามลำดับ
