บลจ. บัวหลวง ไม่ห่วงเสื้อแดงป่วน เดินหน้าส่งกองทุนเอาใจนักลงทุนต่อเนื่อง พร้อมเชียร์เก็บหุ้นที่ยังราคาถูก เก็งกำไรระยะยาว
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (สมาคม บลจ.) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ถึงแม้ขณะนี้จะมีปัญหาทางการเมืองขึ้นในบ้านเรา แต่การบริหารจัดการของบริษัทยังคงเหมือนเดิม
เนื่องจากว่าปัญหาดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้นการออกกองทุนของบริษัทก็ยังคงมีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ หรือลงทุนพันธบัตรในประเทศก็ตามที่บริษัทมีออกมาอยู่เรื่อย ๆ
นอกจากนี้ กองประเภทแปลก ๆ หรือเป็นกองทุนใหม่ ๆ นั้น บริษัทมีแผนที่จะออกมานำเสนอแก่นักลงทุนในช่วงที่มีการจัดงานมันนีเอ็กซ์โปร์ เพื่อให้นักลงทุนทางเลือกในการลงทุนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการกระจายการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย
สำหรับปัญหาทางการเมืองขึ้นในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากว่าตลาดหุ้นมีการปรับขึ้นทั้งภูมิภาคเอเชีย โดยเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนส่งผลให้ค่าเงินมีการแข็งค่าขึ้นซึ่งรวมไปถึงทุกประเทศในอาเซียนก็ว่าได้
และนอกจากตลาดหุ้นไทยจะมีสภาพคล่องสูง มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีแล้ว นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนด้วย เนื่องจากนักลงทุนเล็งเห็นแล้วว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว ยังได้รับกำไรจากส่วนต่างของค่าเงินอีกด้วย รวมถึงราคาของหุ้นบ้านเรายังคงมีราคาที่ถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย
“การชุมนุมที่เกิดขึ้น มองว่าไม่น่าที่จะก่อให้เกิดอะไรมาก และน่าจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งปัจจัยที่เกิดขึ้นถึงแม้จะเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน แต่เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาอยู่แล้ว อีกทั้งปัจจัยบวกมีมากว่าปัจจัยลบ จึงทำให้เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่สามารถฉุดดัชนีให้ปรับตัวลดลงได้” นางวรวรรณ กล่าว
นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยเท่าที่เห็นต่างชาติเข้ามาลงทุนไม่ใช่แต่ประเทศเรา แต่เข้ามาทั้งภูมิภาคซึ่งถ้ามองความเสี่ยงเรื่องการเมืองแล้วมันมีอยู่ทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย และที่สำคัญรัฐบาลเองมีประสบการณ์ในการจัดการด้านการชุมนุมอยู่แล้วจึงทำให้ต่างชาติเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถจัดการปัญหาได้
ทั้งนี้ ถ้านักลงทุนจะเข้ามาซื้อทำกำไรในช่วงระยะยาวก็จะเป็นผลดีในการเก็บซื้อหุ้นเพราะยังมีราคาที่ถูกอยู่ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็อาจจะสามารถนำออกมาขายได้
เมื่อหุ้นมีราคาที่สูงขึ้น ส่วนในระยะสั้นก็ยังคงน่าลงทุนเช่นกันเพราะตลาดยังคงเป็นบวก เนื่องมาจากตลาดหุ้นไทยมีสภาพคล่องมาก อีกทั้ง นักลงทุนได้คลายความวิตกกังวลเรื่องของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่ากำหนดการเดิม กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากยังคงมีความมั่นใจในการจัดการของภาครัฐ ซึ่งหากดูจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยได้สะท้อนความเชื่อมั่นออกมาให้เห็น โดยเฉพาะต่างชาติที่ยังมีการเข้ามาจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเท่ากับเป็นการบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นที่เริ่มกลับมา
