บลจ. บัวหลวง ได้ฤกษ์ประเดิมปีเสือคลอด 2 กองรวด ทั้งหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล "บัวหลวงธนสิน 1/10 - บัวหลวงธนรัฐ 1/10" เริ่มไอพีโอแล้วถึง 18 ม.ค. 53 นี้ รวม 2 กองทุนมูลค่าโครงการกว่า 7,000 ล้านบาท
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงธนสิน 1/10 (Bualuang Thanasin 1/10 หรือ BSIN1/10) และกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/10 (Bualuang Thanarat 1/10 หรือ B1/10) ในระหว่างวันที่ 11 - 18 มกราคม 2552 และจะเข้าจดทะเบียนกองทุนในวันที่ 20 มกราคม 2552 นี้ ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน
โดยกองทุนรวมบัวหลวงธนสิน 1/10 มีมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ หรือในตราสารหนี้สถาบันการเงิน เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน
ขณะเดียวกันกองทุนอาจจะเข้าไปลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในกิจการที่มีความมั่นคง มีคุณภาพ และมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่ดี มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตัวตราสาร และหรือผู้ออกตราสาร ตั้งแต่ A- ขึ้นไป ณ วันที่ลงทุน ส่วนที่เหลือ ลงทุนในเงินฝาก และหรือการทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้กับสถาบันการเงิน และหรือในหลักทรัพย์และหรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดให้ลงทุนได้
สำหรับกองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/10 มีขนาดโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง หรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
"กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 1/10 บริษัทยังคงเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในประเทศเป็นหลัก ส่วนกองทุนรวมบัวหลวงธนสิน 1/10 บริษัทจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน ในระดับ A- ขึ้นไป โดยทั้ง 2 กองทุนที่เปิดขายจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้แก่นักลงทุน ส่วนสภาพการลงทุนในปีนี้บริษัทเองยังมองว่าจะมีการเติบโตไปได้อีกประมาณ 10 - 15% ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้นยังคงมองว่าน่าจะดีขึ้นกว่าช่วงปีที่ผานมา"นางวรวรรณกล่าว
สำหรับส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตราสารแห่งหนี้ของสถาบันการเงิน และหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นด้วยการทำธุรกรรมการซื้อตราสารแห่งหนี้ภาครัฐกับสถาบันการเงิน โดยมีสัญญาที่จะขายคืนตราสารแห่งหนี้ดังกล่าวตามวันที่กำหนดในสัญญา
ทั้งนี้เชื่อว่าการลงทุนในกองทุน 2 กองข้างต้นจะเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น