บลจ.บัวหลวง ไม่ห่วง ไทยเข้มแข็งล็อตที่ 2 วงเงิน 1 แสนล้านบาทดึงลูกค้า เหตุจำกัดให้ลงทุนไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท พร้อมเตรียมหากองทุนใหม่ รองรับผู้พลาดโอกาส ล่าสุดเปิดขายซีรีย์กิมจิ “บัวหลวงธนสารพลัส 8/10” อายุ 6 เดือน เริ่มไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 2 มี.ค.53
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งล็อตที่ 2 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่จะให้เริ่มเปิดจองได้ในวันที่ 29 มีนาคม - 2 เมษายน 2553 นี้ มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรต่อการเปิดขายกองทุนรวม แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนักกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ที่อาจจะมีนักลงบางรายที่ครบกำหนดการลงทุนและอาจจะไปลงทุนในส่วนตรงนี้ รวมถึงนักลงทุนบางรายของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากประจำครบกำหนดระยะเวลาก็อาจจะมีการถอนเงินออกไปซื้อตรงนี้บ้าง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลกระทบอาจจะไม่มากนัก เนื่องจากว่าโครงการดังกล่าวได้มีการกำหนดให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท ดังนั้น อาจจะมีนักลงทุนบางรายที่พลาดโอกาสจากการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทเองก็กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เลือกมารองรับกลุ่มนักลงที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ด้วย โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกสรรหากองทุนที่เหมาะสมอยู่
"การเปิดจองพันธบัตรออมทรัพย์ในครั้ง อาจจะมีเม็ดเงินที่ไหลออกไปบ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะการลงทุนมันได้จำกัดการลงทุนไว้ประมาณคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ดังนั้นเราเองก็ต้องมีการเตรียมกองทุนใหม่ ๆ ออกมาเพื่อรองรับกลุ่มที่พลาดการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ด้วย" นางวรวรรณ กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 8/10 (BP8/10) อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2553 โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
โดยกองทุนจะลงทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศเช่น พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating ) A- ขึ้นไป ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ อนึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives contract) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งล็อตที่ 2 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่จะให้เริ่มเปิดจองได้ในวันที่ 29 มีนาคม - 2 เมษายน 2553 นี้ มองว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรต่อการเปิดขายกองทุนรวม แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะมีผลกระทบบ้างแต่ไม่มากนักกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ที่อาจจะมีนักลงบางรายที่ครบกำหนดการลงทุนและอาจจะไปลงทุนในส่วนตรงนี้ รวมถึงนักลงทุนบางรายของธนาคารพาณิชย์ที่ฝากประจำครบกำหนดระยะเวลาก็อาจจะมีการถอนเงินออกไปซื้อตรงนี้บ้าง
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผลกระทบอาจจะไม่มากนัก เนื่องจากว่าโครงการดังกล่าวได้มีการกำหนดให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ไม่เกินคนละ 1 ล้านบาท ดังนั้น อาจจะมีนักลงทุนบางรายที่พลาดโอกาสจากการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทเองก็กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เลือกมารองรับกลุ่มนักลงที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ด้วย โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเลือกสรรหากองทุนที่เหมาะสมอยู่
"การเปิดจองพันธบัตรออมทรัพย์ในครั้ง อาจจะมีเม็ดเงินที่ไหลออกไปบ้าง แต่คงไม่มากนัก เพราะการลงทุนมันได้จำกัดการลงทุนไว้ประมาณคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ดังนั้นเราเองก็ต้องมีการเตรียมกองทุนใหม่ ๆ ออกมาเพื่อรองรับกลุ่มที่พลาดการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ด้วย" นางวรวรรณ กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 8/10 (BP8/10) อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2553 โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
โดยกองทุนจะลงทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายในต่างประเทศเช่น พันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงินและได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating ) A- ขึ้นไป ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้ อนึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives contract) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว เหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ที่ราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วยลงทุน