บลจ. ซีมิโก้ มั่นใจตลาดหุ้นไทยไปต่อ แม้ปัญหาทางการเมืองกดดัน หลังเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียต่อเนื่อง ชี้สัปดาห์นี้เป็นโอกาสทอง ระบุดัชนีช่วง 750 – 760 จุด เข้าไปรับได้
นายชัยวัฒน์ วิทยถาวรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังมีประเด็นเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศ เนื่องจากมี fund flow จากกองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งทำให้ตลาดต่าง ๆ ในภูมิภาคดีดตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง อินเดีย ไต้หวัน จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลี รวมทั้งประเทศไทย
ทั้งนี้ จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะไปต่อได้หาก fund flow ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าแรงเทขายอย่างมีนัยสำคัญจะยังไม่เกิดขึ้นหากค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า และตลาดยังไม่มีปัจจัยลบสำคัญใหม่ ๆ เข้ามา
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในระยะสั้นคงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเนื่องจากดัชนี SET ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมากอย่างรวดเร็ว คือ +12.93% นับตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ดังนั้นในระยะสั้นอาจมีการปรับฐานจากแรงขายเพื่อทำกำไรบ้าง เช่น เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในช่วงเช้ามีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 13 จุด แต่ในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไร ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงปิดติดลบ 2 จุด เป็นต้น
ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน กล่าวต่อว่า นักลงทุนที่ต้องการหาจังหวะเข้าลงทุน อาจพิจารณาการปรับฐานของตลาดในช่วงสัปดาห์นี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น โดยหากดัชนีปรับลดลงมาอยู่ในช่วง 750 – 760 จุดซึ่งเป็นแนวรับสำคัญในปัจจุบัน ก็สามารถเข้าซื้อหุ้นได้บ้าง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของบลจ. ซีมิโก้ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับพอร์ทการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมีทั้งการขายหุ้นบางตัวที่ราคาถึงเป้าหมายแล้ว และซื้อหุ้นที่คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งตามทิศทางของตลาด
ล่าสุด บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้ 3M2 ซึ่งขณะนี้กำลังเปิดขายไอพีโออยู่จนถึงวันนี้ (24 มี.ค. 53) ซึ่งกองทุนจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0.34% และนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทุก ๆ 3 เดือน ตลอดระยะเวลา 12 เดือน โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตั๋วแลกเงินของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในอันดับ BBB+ สัดส่วน โดยสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 5%
ขณะที่หุ้นกู้กองทุนจะเข้าไปลงทุนนั้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน), บริษัท โกลว์ เอสพีพี จำกัด (มหาชน), บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน อินตัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)
นายชัยวัฒน์ วิทยถาวรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซิมิโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะยังมีประเด็นเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศ เนื่องจากมี fund flow จากกองทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งทำให้ตลาดต่าง ๆ ในภูมิภาคดีดตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง อินเดีย ไต้หวัน จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลี รวมทั้งประเทศไทย
ทั้งนี้ จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะไปต่อได้หาก fund flow ยังคงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าแรงเทขายอย่างมีนัยสำคัญจะยังไม่เกิดขึ้นหากค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า และตลาดยังไม่มีปัจจัยลบสำคัญใหม่ ๆ เข้ามา
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในระยะสั้นคงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเนื่องจากดัชนี SET ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมากอย่างรวดเร็ว คือ +12.93% นับตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ดังนั้นในระยะสั้นอาจมีการปรับฐานจากแรงขายเพื่อทำกำไรบ้าง เช่น เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในช่วงเช้ามีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 13 จุด แต่ในช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไร ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงปิดติดลบ 2 จุด เป็นต้น
ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน กล่าวต่อว่า นักลงทุนที่ต้องการหาจังหวะเข้าลงทุน อาจพิจารณาการปรับฐานของตลาดในช่วงสัปดาห์นี้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้น โดยหากดัชนีปรับลดลงมาอยู่ในช่วง 750 – 760 จุดซึ่งเป็นแนวรับสำคัญในปัจจุบัน ก็สามารถเข้าซื้อหุ้นได้บ้าง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของบลจ. ซีมิโก้ ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับพอร์ทการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมีทั้งการขายหุ้นบางตัวที่ราคาถึงเป้าหมายแล้ว และซื้อหุ้นที่คาดว่าจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งตามทิศทางของตลาด
ล่าสุด บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเปิดซีมิโก้ตราสารหนี้ 3M2 ซึ่งขณะนี้กำลังเปิดขายไอพีโออยู่จนถึงวันนี้ (24 มี.ค. 53) ซึ่งกองทุนจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 0.34% และนักลงทุนสามารถลงทุนได้ทุก ๆ 3 เดือน ตลอดระยะเวลา 12 เดือน โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนตั๋วแลกเงินของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในอันดับ BBB+ สัดส่วน โดยสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 5%
ขณะที่หุ้นกู้กองทุนจะเข้าไปลงทุนนั้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน), บริษัทโตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน), บริษัท โกลว์ เอสพีพี จำกัด (มหาชน), บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทคอน อินตัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)