บลจ.ฟิลลิป ตั้งเป้าเอยูเอ็มครึ่งปีแรกแตะ 500 ล้านบาท เผย 2 เดือนแรก รับอานิสงส์เม็ดเงินกองทุนเกาหลีใต้ครบกำหนดอายุ โตถึง 12.6% ล่าสุดยกกองทุนเปิด PCASH เป็นพระเอกเรียกเงินไหลเข้าสูงสุด
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า ภายในครึ่งปีแรกของปี 2553 บริษัทคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม)ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 10 มีนาคม 2553บริษัทมี เอยูเอ็มอยู่ที่ 472.50 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง12.6% จากสิ้นปี 2552 ที่ 419.61 ล้านบาท จากนักลงทุนที่ทยอยเข้ามาลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เกต และกองทุนอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท
สำหรับเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นของบลจ.ฟิลิปนั้น ส่วนหนึ่งนั้นมาจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดฟิลิป ทองคำ และกองทุนเปิดเอเชีย แปรซิฟิค โดยอีกส่วนหนึ่งมากจากกองทุนเปิดฟิลิปบริหารเงิน(PCASH) ซึ่งเป็นกองทุนประเภทมันนี่มาร์เกต ที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากหรือสินทรัพย์ที่มีการค้ำประกันจากภาครัฐ
ทั้งนี้ ในส่วนของเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในกองทุนเปิด PCASH นั้น มาจากเม็ดเงินของกองทุนพันธบัตรเกาหลีที่ครบกำหนดอายุ โดยนักลงทุนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด ทำให้การลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตจึงสามารถตอบโจทย์นักลงทุนเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ต่ำ มีสภาพคล่องสูงนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน
"นักลงทุนที่ไปลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้นั้นต้องการความแน่นอน เนื่องจากกองทุนมันนี่มาร์เกตถือเป็นกองทุนพื้นฐาน มีลักษณะคล้ายกับออมทรัพย์ซึ่งจุดนี้นักลงทุนต่างทราบกันเป็นอย่างดี จึงทำให้นักลงทุนที่ไม่รู้จะลงทุนในสินทรัพย์อะไรในขณะนี้เลือกที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนประเภทนี้แทน ซึ่งไม่เฉพาะแต่ของบลจ.ฟิลิปเท่านั้นที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินเกาหลีใต้"นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะอีกว่า จากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทำให้นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของเหตุการณ์เพื่อเข้าลงทุนอีกครั้ง จึงอยากแนะนำนักลงทุนที่มีเงินเย็นหรือเงินก้อนไว้กับตัวและยังไม่รีบนำมาใช้ การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศจึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะตลาดหุ้นต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียที่มีพื้นฐานการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับการลงทุนภายในประเทศในขณะนี้
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า ภายในครึ่งปีแรกของปี 2553 บริษัทคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม)ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 10 มีนาคม 2553บริษัทมี เอยูเอ็มอยู่ที่ 472.50 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง12.6% จากสิ้นปี 2552 ที่ 419.61 ล้านบาท จากนักลงทุนที่ทยอยเข้ามาลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เกต และกองทุนอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท
สำหรับเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นของบลจ.ฟิลิปนั้น ส่วนหนึ่งนั้นมาจากนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกองทุนเปิดฟิลิป ทองคำ และกองทุนเปิดเอเชีย แปรซิฟิค โดยอีกส่วนหนึ่งมากจากกองทุนเปิดฟิลิปบริหารเงิน(PCASH) ซึ่งเป็นกองทุนประเภทมันนี่มาร์เกต ที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากหรือสินทรัพย์ที่มีการค้ำประกันจากภาครัฐ
ทั้งนี้ ในส่วนของเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในกองทุนเปิด PCASH นั้น มาจากเม็ดเงินของกองทุนพันธบัตรเกาหลีที่ครบกำหนดอายุ โดยนักลงทุนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใด ทำให้การลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตจึงสามารถตอบโจทย์นักลงทุนเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ต่ำ มีสภาพคล่องสูงนักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทุกวัน
"นักลงทุนที่ไปลงทุนในกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้นั้นต้องการความแน่นอน เนื่องจากกองทุนมันนี่มาร์เกตถือเป็นกองทุนพื้นฐาน มีลักษณะคล้ายกับออมทรัพย์ซึ่งจุดนี้นักลงทุนต่างทราบกันเป็นอย่างดี จึงทำให้นักลงทุนที่ไม่รู้จะลงทุนในสินทรัพย์อะไรในขณะนี้เลือกที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนประเภทนี้แทน ซึ่งไม่เฉพาะแต่ของบลจ.ฟิลิปเท่านั้นที่ได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินเกาหลีใต้"นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะอีกว่า จากปัจจัยทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทำให้นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของเหตุการณ์เพื่อเข้าลงทุนอีกครั้ง จึงอยากแนะนำนักลงทุนที่มีเงินเย็นหรือเงินก้อนไว้กับตัวและยังไม่รีบนำมาใช้ การเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นต่างประเทศจึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะตลาดหุ้นต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียที่มีพื้นฐานการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับการลงทุนภายในประเทศในขณะนี้