ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.ประสานเสี่ยง ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง "อเบอร์ดีน" ชี้ หลายบริษัทยังแข็งแกร่งน่าลงทุนและยังเติบโตต่อไปได้ ระบุ ตลาดหุ้นทั่วโลกสัมพันธ์กันมากขึ้นหลังจากเกิดวิกฤต ขณะที่ บลจ.วรรณ คาด เฟดขึ้นดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
มร.ไมเคิล เทอร์เนอร์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และจัดสรรการลงทุนโลก บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า หลังวิกฤติการเงินที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าในอดีต โดยตลาดหุ้น S&P500 มีค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) กับตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ถึง 0.58% ซึ่งมีทิศทางการปรับขึ้นลงที่มีความสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งความสัมพันธ์ที่มากขึ้นของดัชนี S&P500 นั้น ไม่เพียงจะมีมากขึ้นกับตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เท่านั้น ทางอเบอร์ดีนได้ลองทดสอบความสัมพันธ์ของราคาสินทรัพย์อีก 11 ประเภท ได้แก่ 1) หุ้นบราซิล 2) หุ้นจีน 3) VIX Index (ความผันผวนของราคาออพชั่นของหุ้น) 4) MOVE Index (ความผันผวนของดัชนีพันธบัตรสหรัฐ) 5) Credit Spread ของหุ้นกู้ระดับลงทุนได้ 6) ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 7) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) 8) ค่าดัชนีระวางเรือ 9) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อเยน 10) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร และ 11) ดัชนีความผันผวนของค่าเงิน กับดัชนี S&P500 ก็พบว่ามีค่าสหสัมพันธ์ที่มากขึ้นภายหลังจากวิกฤติการเงินในครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยสัดส่วนของราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นมีความสัมพันธ์กับการปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P500 มากกว่า 70%
“ดังนั้นการปรับตัวขึ้นหรือลงของดัชนี S&P500 จะมีอิทธิพลต่อการปรับขึ้นของราคาสินทรัพย์อื่นด้วยในปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ประการใด การเลือกลงทุนในดัชนี S&P500จึงน่าจะได้ประโยชน์เช่นเดียวกันถ้ามองว่าทิศทางตลาดเป็นขาขึ้นและน่าสนใจลงทุน”
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ในทิศทางที่ดี โดยผลประกอบการของบริษัทต่างๆในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 นั้นส่วนใหญ่ค่อนข้างดี ขณะเดียวกัน จีดีพี ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ในเรื่องของตัวเลขการว่างงานที่ยังเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ที่ยังตกอยู่ แต่จากการที่ อเบอร์ดีน ได้เยี่ยมชมบริษัทต่างๆนั้น ได้มองว่าบริษัทต่างๆ น่าจะยังมีทิศทางทางที่เป็นบวกและเติบโตต่อไปได้ ขณะเดียวกัน หลายบริษัทเริ่มกลับเข้ามาลงทุนและหาช่องทางที่จะขายการลงทุน
ทั้งนี้หลายบริษัทในสหรัฐฯมีความน่าสนใจ เพราะเป็นบริษัทที่เติบโตในระดับโลกและเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมีปัจจัยพื้นฐานดี ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีอยู่ในการเข้าซื้อ
"เศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่น่าลงทุนและยังมีผลไปถึงเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่"นายชัยเกษม กล่าว
วรรณคาดเฟดขยับดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
ด้านนางสาวสหัทยา สรรค์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับภาพการลงทุนและเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ได้ปรับตัวดีขึ้นมากและเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจรวมไปถึงการลงทุนในยุโรปด้วย โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่ปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงยอดระดับผลผลิตในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากตัวเลขต่างๆที่ออกมาทำให้นักลงทุนทราบความต้องการหรือดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯรวมไปถึงการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจด้วย
โดยภาพรวมการลงทุนต่างๆที่ดีขึ้นของสหรัฐฯได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้จะต้องรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าทิศทางเป็นอย่างไร รวมไปถึงจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น หมายถึงการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นจริง จึงส่งผลให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยคาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
"การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น นักลงทุนมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับยุโรป เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทำให้ความน่าสนใจของยุโรปลดน้อยลงไป"นางสาวสหัทยากล่าว
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อนำมาเทียบกับเศรษฐกิจในเอเชียนั้น พบว่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนในเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสังเกตุได้จากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนยังประเทศต่างๆในเอเชียโดยรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
นางสาวสหัทยากล่าวอีกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์ต่างๆให้มีความชัดเจนมาขึ้น จึงส่งผลให้เม็ดเงินที่ลงทุนในสหรัฐไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียแทน โดยคาดว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆในเอเชียจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์ (1US-OPP)นั้น บริษัทมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 98-99% และอีก 2% เป็นการถือเงินสด ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มไฟแนนท์เชี่ยล (financial) ถึง 16%ของพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้กองทุนยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อินดัสเทรียล เป็นต้น
ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ. วันที่ 26 ก.พ.2553พบว่ากองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.72% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.96% และย้อนหลัง 1 ปีเท่ากับ 51.39%
มร.ไมเคิล เทอร์เนอร์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และจัดสรรการลงทุนโลก บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า หลังวิกฤติการเงินที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าในอดีต โดยตลาดหุ้น S&P500 มีค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) กับตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ถึง 0.58% ซึ่งมีทิศทางการปรับขึ้นลงที่มีความสัมพันธ์กันมากขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งความสัมพันธ์ที่มากขึ้นของดัชนี S&P500 นั้น ไม่เพียงจะมีมากขึ้นกับตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เท่านั้น ทางอเบอร์ดีนได้ลองทดสอบความสัมพันธ์ของราคาสินทรัพย์อีก 11 ประเภท ได้แก่ 1) หุ้นบราซิล 2) หุ้นจีน 3) VIX Index (ความผันผวนของราคาออพชั่นของหุ้น) 4) MOVE Index (ความผันผวนของดัชนีพันธบัตรสหรัฐ) 5) Credit Spread ของหุ้นกู้ระดับลงทุนได้ 6) ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 7) ราคาน้ำมันดิบ (WTI) 8) ค่าดัชนีระวางเรือ 9) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อเยน 10) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร และ 11) ดัชนีความผันผวนของค่าเงิน กับดัชนี S&P500 ก็พบว่ามีค่าสหสัมพันธ์ที่มากขึ้นภายหลังจากวิกฤติการเงินในครั้งนี้เช่นเดียวกัน โดยสัดส่วนของราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวขึ้นมีความสัมพันธ์กับการปรับตัวขึ้นของดัชนี S&P500 มากกว่า 70%
“ดังนั้นการปรับตัวขึ้นหรือลงของดัชนี S&P500 จะมีอิทธิพลต่อการปรับขึ้นของราคาสินทรัพย์อื่นด้วยในปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ประการใด การเลือกลงทุนในดัชนี S&P500จึงน่าจะได้ประโยชน์เช่นเดียวกันถ้ามองว่าทิศทางตลาดเป็นขาขึ้นและน่าสนใจลงทุน”
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ในทิศทางที่ดี โดยผลประกอบการของบริษัทต่างๆในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 นั้นส่วนใหญ่ค่อนข้างดี ขณะเดียวกัน จีดีพี ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯเริ่มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ในเรื่องของตัวเลขการว่างงานที่ยังเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงตัวเลขอสังหาริมทรัพย์ที่ยังตกอยู่ แต่จากการที่ อเบอร์ดีน ได้เยี่ยมชมบริษัทต่างๆนั้น ได้มองว่าบริษัทต่างๆ น่าจะยังมีทิศทางทางที่เป็นบวกและเติบโตต่อไปได้ ขณะเดียวกัน หลายบริษัทเริ่มกลับเข้ามาลงทุนและหาช่องทางที่จะขายการลงทุน
ทั้งนี้หลายบริษัทในสหรัฐฯมีความน่าสนใจ เพราะเป็นบริษัทที่เติบโตในระดับโลกและเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมีปัจจัยพื้นฐานดี ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีอยู่ในการเข้าซื้อ
"เศรษฐกิจของสหรัฐยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่น่าลงทุนและยังมีผลไปถึงเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่"นายชัยเกษม กล่าว
วรรณคาดเฟดขยับดอกเบี้ยครึ่งปีหลัง
ด้านนางสาวสหัทยา สรรค์ประสิทธิ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับภาพการลงทุนและเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ได้ปรับตัวดีขึ้นมากและเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจรวมไปถึงการลงทุนในยุโรปด้วย โดยตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆที่ปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงยอดระดับผลผลิตในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นจากตัวเลขต่างๆที่ออกมาทำให้นักลงทุนทราบความต้องการหรือดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯรวมไปถึงการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจด้วย
โดยภาพรวมการลงทุนต่างๆที่ดีขึ้นของสหรัฐฯได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจภายในประเทศการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้จะต้องรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ว่าทิศทางเป็นอย่างไร รวมไปถึงจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ซึ่งการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของเฟดนั้น หมายถึงการที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้นจริง จึงส่งผลให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง โดยคาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
"การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้น เพื่อเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น นักลงทุนมีเงินในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น โดยเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับยุโรป เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นทำให้ความน่าสนใจของยุโรปลดน้อยลงไป"นางสาวสหัทยากล่าว
ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อนำมาเทียบกับเศรษฐกิจในเอเชียนั้น พบว่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจและเข้ามาลงทุนในเอเชียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสังเกตุได้จากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนยังประเทศต่างๆในเอเชียโดยรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
นางสาวสหัทยากล่าวอีกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นแต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์ต่างๆให้มีความชัดเจนมาขึ้น จึงส่งผลให้เม็ดเงินที่ลงทุนในสหรัฐไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียแทน โดยคาดว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆในเอเชียจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์ (1US-OPP)นั้น บริษัทมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ที่ประมาณ 98-99% และอีก 2% เป็นการถือเงินสด ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้มีการให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มไฟแนนท์เชี่ยล (financial) ถึง 16%ของพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้กองทุนยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อินดัสเทรียล เป็นต้น
ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ. วันที่ 26 ก.พ.2553พบว่ากองทุนเปิดวรรณยูเอสรีคอฟเวอรี่ออพเพอร์ทูนิตี้ฟันด์มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.72% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 4.96% และย้อนหลัง 1 ปีเท่ากับ 51.39%
