xs
xsm
sm
md
lg

2 เสือเอเชียรับอานิสงส์ ศก.ฟื้นปี 53 หุ้น"จีน-อินเดีย"ทะยานต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้ ชี้ตลาดหุ้นจีน-อินเดียยังแกร่ง แนวโน้มปรับตัวขึ้นในระยะยาว แม้ปัจจุบันจะลดความร้อนแรงไปบ้าง ระบุการมีพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นปรับตัวตาม พร้อมคาดแบงก์ชาติจีนเตรียมขึ้นดอกเบี้ยก่อนใคร หลังเห็นสัญญาณเงินเฟ้อตื่นครั้งแรกนับจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 แม้จะมีการลดความร้อนแรงลงไปบ้างแต่เฉลี่ยแล้วยังปรับตัวสูงขึ้นโดยดัชนี MSCI Asia ไม่รวมญี่ปุ่น ปรับตัวสูงขึ้น 5.8% สูงกว่าดัชนีหุ้น S&P ในสหรัฐ และดัชนีหุ้น 50 บริษัทขนาดใหญ่ในยุโรป (Dow Jones Europe Stoxx 50 Index) เพียงเล็กน้อย

ทั้งนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากในช่วงท้าย ๆของปี นักลงทุนทั่วโลกที่แสวงหาผลตอบแทนในสินทรัพย์เสี่ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือค่าเงินในช่วงระหว่างปี ได้ทยอยขายทำกำไรซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมาก เพื่อปิดพอร์ตการลงทุนในช่วง 1-2 เดือนสุดท้าย ก่อนพักวันหยุดยาวช่วงปลายปี และไปพักเงินในพันธบัตรสหรัฐที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะเห็นได้จากทิศทางของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาแข็งค่าขึ้น
 
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นจีนดัชนี HSCEI Index ก็ลดความร้อนแรงลงมาเช่นเดียวกันตามตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยเฉพาะ Stimulus Package มูลค่า 4 ล้านล้านหยวนของจีนได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของจีนกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง GDP เติบโตสูงถึง 8.9% ในไตรมาส 3/2552 และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจีนจะกลับมาเติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 9% ในช่วงหลายปีข้างหน้าก็ตาม

อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ได้มีการทยอยประกาศกันออกมา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการส่งออกที่เริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งที่ระดับ 18% yoy (Dec 09) และทำให้ยอดส่งออกทั้งปีของจีนแซงหน้าประเทศเยอรมันเป็นที่หนึ่งของโลก การผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวกลับมาเติบโตเกือบ 20% yoy (Nov 09) ยอดค้าปลีกยังคงเติบโตในระดับเฉลี่ย 15-16% yoy นอกจากนี้เงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายนล่าสุด (0.6% yoy) เริ่มปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นบวกเป็นครั้งแรกนับจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในหลาย ๆ เมืองปรับตัวสูงขึ้นอย่างร้อนแรง ทำให้ทางการจีนเริ่มมีความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ที่กำลังเริ่มก่อตัว และปัญหาเงินเฟ้อในอนาคต
โดยตลาดคาดหมายว่าธนาคารกลางจีนจะเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินจากผ่อนคลายเป็นเข้มงวดมากขึ้น โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ และจะเป็นประเทศแรก ๆ ของเอเชียที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย

ทั้งนี้สรุปแล้วดัชนี HSCEI Index ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 11858 จุด ณ สิ้นไตรมาส 3/2552 มาปิดที่ระดับ 12794 จุด ณ สิ้นปี 2552 หรือปรับตัวสูงขึ้น 8% โดยประมาณ นับตั้งแต่ต้นปี 2552 ดัชนี HSECI ได้ปรับตัวสูงขึ้นถึง 62% ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหุ้นทางฝั่งสหรัฐและยุโรปอย่างมากที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 24% โดยที่ HSCEI Index ณ ปัจจุบัน เทียบเท่า P/E ปี 2553 ที่ระดับ 14x

ส่วน ตลาดหุ้นอินเดียในช่วงไตรมาส 4/2552 ได้มีการพักฐานหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า โดยดัชนี Sensex ปรับตัวสูงขึ้นเพียง 2.0% ซึ่งต่ำกว่าการปรับตัวสูงขึ้นของดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่นที่ปรับตัวสูงขึ้น 5.8% อย่างไรก็ดีเมือเทียบตั้งแต่ต้นปี 2552 ตลาดหุ้นอินเดียยังคงเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหลัก ๆ ของโลก

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตได้ในระดับ 7%-8% อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นอินเดียอาจจะมีการพักฐานในระยะสั้น สาเหตุจากการคาดหมายการปรับเปลี่ยนนโยบายทางด้านการเงินของธนาคารกลางอินเดีย โดยคาดว่าจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากระดับปัจจุบันที่ 4.75% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับในช่วงสภาวะปกติที่ระดับ 6.00%-6.50%
สำหรับแนวโน้มหุ้นอินเดียน่าจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมือง ขณะที่คาดว่านักลงทุนจากต่างชาติจะทยอยเข้ามาลงทุนทั้งทางตรง และลงทุนผ่านตลาดหุ้นเป็นจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น