xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรฯมั่นใจ"จีน-น้ำมัน"รุ่ง แม้ระยะสั้นทิศทางยังผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยเชื่อเศรษฐกิจจีนโตต่อ หลังประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลา พร้อมมั่นใจราคาน้ำมันขยับอีกแม้ช่วงที่ผ่านมาจะปรับตัวลดลงจากผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยแดนมังกร

รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัดเปิดเผยว่า หลังจากที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ออกมาให้ความเห็นถึงตัวเลขการเติบโตของ GDP ของประเทศจีน เมื่อสิ้นปี 2552 ว่าจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 9% นั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

นอกจากนี้ ในวันที่ 13 มกราคม 2553 ธนาคารกลางของจีน หรือ PBoC ก็ได้มีการประกาศนโยบายการปรับขึ้นอัตรากันสำรอง (Reserve Ratio) เพิ่มขึ้นอีก 0.50% อย่างกะทันหัน ทำให้ราคาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของจีนทั้งตลาดในประเทศและตลาดในฮ่องกงซึ่งได้ปรับขึ้นตั้งแต่ต้นปีกลับปรับตัวลงถึงกว่า 3% ในวันเดียว

และยังส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชีย รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน และก่อให้เกิดความกังวลต่อนักลงทุนต่อทิศทางตลาดหุ้นจีน

ทั้งนี้ เชื่อว่า สาเหตุหลักที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตรากันเงินสำรองดังกล่าวอย่างกะทันหันนั้น มาจากความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนที่กำลังเติบโตนั้นจะร้อนแรงจนเกินไปจนอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ได้ในอนาคต รัฐบาลจีนจึงได้ทำการชะลอความร้อนแรงดังกล่าวในขั้นต้น

โดยให้ธนาคารพาณิชย์ชะลอการปล่อยกู้ลง ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ได้มีการคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพียงแต่การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียปรับตัวลดลงทันที

สำหรับประเด็นนี้แม้จะส่งผลกระทบทันที แต่คาดว่าน่าจะเป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้นแต่ในระยะยาว การที่ธนาคารจีนปรับขึ้นอัตรากันเงินสำรองดังกล่าว ย่อมเป็นสิ่งที่ยืนยันความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน อันเป็นผลต่อเนื่องจากการดำเนินแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 4 ล้านล้านหยวน ตั้งแต่ปี 2552 นั่นเอง

เพราะในขณะที่โลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2552 แต่จีนกลับเป็นเพียงไม่กี่ชาติที่คาดการณ์ว่าจะสามารถมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้เกือบ 10%

นอกจากนี้ ผลจากการที่ธนาคารกลางจีนพยายามลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจดังกล่าว ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ และทองแดง ปรับตัวลดลง เนื่องจากคาดการณ์ว่าจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและบริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดอันดับ2ของโลก และผู้นำเข้าทองแดงอันดับ 1 ของโลกจะลดการนำเข้าลงจากความเข้มงวดในนโยบายเศรษฐกิจของธนาคารกลางจีน ทำให้ราคาปิดของน้ำมันดิบ West Texas วันที่ 13 มกราคม 2553 ปรับตัวลดลงกว่า 1.4% ส่วนราคาของทองแดงปรับตัวลดลง 0.60%

ส่วนราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่จีนเป็นผู้บริโภคหลัก เช่น สังกะสี อลูมิเนียม ข้าวโพด รวมถึงทองคำก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า การปรับตัวลดลงดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นในช่วงสั้น เพราะแม้ธนาคารกลางจีนจะออกมาตรการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ทำให้เศรษฐกิจของจีนถดถอย

ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจของจีนน่าจะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการในสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีอยู่ในระยะยาว ราคาของสินค้าดังกล่าวจึงน่าจะยังสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ตามความต้องการที่มีต่อเนื่องในตลาดโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น