ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(15-19 ก.พ.)ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นๆลงๆจนเอาแน่นอนอะไรไม่ค่อยจะได้นัก จากปัจจัยภายในประเทศที่เกิดขึ้นได้ทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้าลงทุน ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆขึ้นก็แค่1-2จุด ลงก็ 1-2 จุดต่อวัน ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันนั้นเบาบาง บางวันก็ไม่ทะลุ 10,000 ล้านบาท ด้านบรรยากาศการซื้อขายไม่คึกคักเหมือนอย่างที่เป็น นักลงทุนต่างชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่าจะมีบทสรุปเป็นเช่นไร..
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เฉพาะปัจจัยภายในประเทศเท่านั้นที่เกิดขึ้น แต่ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการฟื้นตัวจริงหรือไม่....? ซึ่งหลายๆคนคงจะมีคำตอบของคำถามนี่อยู่ในใจกันแล้ว... รวมไปถึงความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ได้ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง โดยส่วนใหญ่ได้เลือกถือเงินสดไว้กับตัว หรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน
คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับวันสุดท้ายของสัปดาห์(19ก.พ)ถึงแม้ว่าจะมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีแต่อย่างใด ทำให้ดัชนี สามารถจะปิดตลาดทะลุ 700 จุดได้อย่างสวยงาม โดยปิดตลาดที่ระดับ 700.44 จุด เปลี่ยนแปลง 4.78 จุด หรือ +0.69% มูลค่าการซื้อขายที่ 12,923.30 ล้านบาท และสำหรับสัปดาห์นี้จะเป็นเช่นไร และผู้จัดการกองทุน มองเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นว่าอย่างไรบ้าง....
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นว่า สถานะการณ์โดยรวมยังไม่ดีมากนัก ทำให้มีแรงเทขายจากนักลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่องจากความไม่มั่นใจในปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้น และคาดว่าจะมีแรงขายจนกว่าจะถึงวันศุกร์หน้านี้(26 ก.พ.)
"โดยมองว่าการที่หุ้นปรับตัวลดลงถือเป็นโอกาสดีในการเก็บของถูก ด้วยเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ รวมไปถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยยังถือว่าดี หากไม่มีปัจจัยการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่นักลงทุนต่างชาติกลัวไม่กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นการที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินดังกล่าวจึงมีโอกาสน้อยมาก"วนา"บอก
"วนา" บอกอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น การที่ดัชนีปรับตัวลงนั้นถือเป็นโอกาสดีจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเก็บหุ้นดีราคาถูกไว้ในพอร์ต แต่หากนักลงทุนที่กลัวความเสี่ยงแล้วเทขายหุ้นออกมาถือเงินสด การเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆไม่เกิน 1ปี จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนในระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในระยะยาว อยากแนะนำให้ศึกษาข้อมูลของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และไม่เสียโอกาสในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรัยตัวเพิ่มขึ้นด้วย
โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เฉพาะปัจจัยภายในประเทศเท่านั้นที่เกิดขึ้น แต่ประเทศต่างๆทั่วโลกต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการฟื้นตัวจริงหรือไม่....? ซึ่งหลายๆคนคงจะมีคำตอบของคำถามนี่อยู่ในใจกันแล้ว... รวมไปถึงความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ได้ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง โดยส่วนใหญ่ได้เลือกถือเงินสดไว้กับตัว หรือเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทน
คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับวันสุดท้ายของสัปดาห์(19ก.พ)ถึงแม้ว่าจะมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีแต่อย่างใด ทำให้ดัชนี สามารถจะปิดตลาดทะลุ 700 จุดได้อย่างสวยงาม โดยปิดตลาดที่ระดับ 700.44 จุด เปลี่ยนแปลง 4.78 จุด หรือ +0.69% มูลค่าการซื้อขายที่ 12,923.30 ล้านบาท และสำหรับสัปดาห์นี้จะเป็นเช่นไร และผู้จัดการกองทุน มองเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดหุ้นว่าอย่างไรบ้าง....
วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นว่า สถานะการณ์โดยรวมยังไม่ดีมากนัก ทำให้มีแรงเทขายจากนักลงทุนออกมาอย่างต่อเนื่องจากความไม่มั่นใจในปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้น และคาดว่าจะมีแรงขายจนกว่าจะถึงวันศุกร์หน้านี้(26 ก.พ.)
"โดยมองว่าการที่หุ้นปรับตัวลดลงถือเป็นโอกาสดีในการเก็บของถูก ด้วยเศรษฐกิจของประเทศไทยขณะนี้ รวมไปถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยยังถือว่าดี หากไม่มีปัจจัยการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่นักลงทุนต่างชาติกลัวไม่กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นการที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินดังกล่าวจึงมีโอกาสน้อยมาก"วนา"บอก
"วนา" บอกอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้น การที่ดัชนีปรับตัวลงนั้นถือเป็นโอกาสดีจึงอยากแนะนำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเก็บหุ้นดีราคาถูกไว้ในพอร์ต แต่หากนักลงทุนที่กลัวความเสี่ยงแล้วเทขายหุ้นออกมาถือเงินสด การเข้าลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆไม่เกิน 1ปี จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ และสามารถสร้างผลตอบแทนในระหว่างที่ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น ขณะที่นักลงทุนที่สนใจการลงทุนในระยะยาว อยากแนะนำให้ศึกษาข้อมูลของกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และไม่เสียโอกาสในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรัยตัวเพิ่มขึ้นด้วย
