ASTVผู้จัดการายวัน - กองทุนอสังหาฯแสนสิริจบ 1ปี กำไรลดลงจากปี 51ถึง 71.91% ส่วนกองทุนอสังหาฯฟิวเจอร์พาร์คกำไรลดลงจากปีก่อน 31.64% เช่นกัน หลังบลจ.ไอเอ็นจี จ้างผู้ประเมินราคาอิสระประเมินมูลค่าเงินลงทุนของกองทุนใหม่ ล่าสุดเตรียมจ่ายเงินปันผลทั้ง 2 กองทุน ในอัตรา0.182 บาท และ 0.26 บาท ตามลำดับ ผู้ถือหน่วยเฮรับ 12 มีนาคม นี้
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ (SIRIPF) งวด 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551ว่า กองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.426 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3286 บาท ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 พบว่ากองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.209 ล้านบาท พร้อมทั้งมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.17 บาท
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงลดลงจากปีก่อน 71.91% ซึ่งกองทุนมียอดกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2551 เป็นจำนวน 101.21 ล้านบาทในขณะที่ในปี2552 กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 28.43 ล้านบาทนั้นมากจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกองทุนได้ลงทุนไว้โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market Comparison Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไร(ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น
โดยในปี2551 มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 878.00 ล้านบาทเป็น915.72 ล้านบาท และบริษัทได้รับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 37.72 ล้านบาท ส่วนปี 2552 มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 915.72 ล้านบาท เป็น 889.60 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2552 และเป็น 881.30 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน 2552 และบริษัทได้รับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 34.42 ล้านบาท
นอกจากนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 17 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.182 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 มีนาคม 2553 พร้อมทั้งจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2553 นี้อีกด้วย
นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค หรือ FUTUREPF งวดที่1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นั้นกองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 379.060 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.8009 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 554.469 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.1715 บาท
โดยผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงลดลงจากปีก่อน 31.64% โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุด 2551 เป็นจำนวน 554.47 ล้านบาท ในขณะที่ในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 379.06 ล้านบาท นั้นเนื่องมาจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไร(ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ใน ปี 2551 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 310.20 ล้านบาท แต่กองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 236.66 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 73.54 ล้านบาท ขณะที่ปี 2552 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงเป็นจำนวน 75.90 ล้านบาท และกองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 23.67 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 99.57 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 13 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 31ธันวาคม 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.26 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 มีนาคม 2553 พร้อมทั้งจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2553 นี้อีกด้วย
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ (SIRIPF) งวด 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551ว่า กองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.426 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.3286 บาท ทั้งนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 พบว่ากองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.209 ล้านบาท พร้อมทั้งมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 1.17 บาท
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงลดลงจากปีก่อน 71.91% ซึ่งกองทุนมียอดกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31ธันวาคม 2551 เป็นจำนวน 101.21 ล้านบาทในขณะที่ในปี2552 กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 28.43 ล้านบาทนั้นมากจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกองทุนได้ลงทุนไว้โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market Comparison Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไร(ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น
โดยในปี2551 มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 878.00 ล้านบาทเป็น915.72 ล้านบาท และบริษัทได้รับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 37.72 ล้านบาท ส่วนปี 2552 มีการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงจาก 915.72 ล้านบาท เป็น 889.60 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2552 และเป็น 881.30 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน 2552 และบริษัทได้รับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนรวมเป็นจำนวน 34.42 ล้านบาท
นอกจากนี้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บ้านแสนสิริ จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 17 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.182 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 มีนาคม 2553 พร้อมทั้งจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2553 นี้อีกด้วย
นายสิทธิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค หรือ FUTUREPF งวดที่1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 นั้นกองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 379.060 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.8009 บาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2551 กองทุนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 554.469 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.1715 บาท
โดยผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงลดลงจากปีก่อน 31.64% โดยกองทุนมียอดกำไรสุทธิสำหรับปีสิ้นสุด 2551 เป็นจำนวน 554.47 ล้านบาท ในขณะที่ในปีนี้กองทุนมีกำไรสุทธิเพียง 379.06 ล้านบาท นั้นเนื่องมาจากกองทุนมีการว่าจ้างผู้ประเมินราคาอิสระให้ทำการประเมินมูลค่าเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาใช้วิธีพิจารณาจากรายได้ (Income Approach) และมีการปรับมูลค่าของเงินลงทุนดังกล่าวให้เป็นไปตามมูลค่ายุติธรรม และรับรู้กำไร(ขาดทุน)สุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ใน ปี 2551 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 310.20 ล้านบาท แต่กองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 236.66 ล้านบาท จึงรับรู้กำไรสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 73.54 ล้านบาท ขณะที่ปี 2552 มีการปรับมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวลดลงเป็นจำนวน 75.90 ล้านบาท และกองทุนได้มีการลงทุนปรับปรุงสภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ดีขึ้นเป็นจำนวน 23.67 ล้านบาท จึงรับรู้ขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวน 99.57 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฟิวเจอร์พาร์ค จะทำการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 13 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2552 ถึงวันที่ 31ธันวาคม 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.26 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 12 มีนาคม 2553 พร้อมทั้งจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 26กุมภาพันธ์ 2553 นี้อีกด้วย