ทิศทางของเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นใจของนักลงทุนอย่าง 100% นั้น ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้นักลงทุนยังไม่กล้าที่จะลงทุนได้อย่างเต็มที่ โดยส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์ความคืบหน้าของเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมาถือว่ามีความคึกคักอย่างมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น แต่ในปีนี้ตราสารหนี้จะได้รับความน่าสนใจเท่าไร โดยเฉพาะตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่จะเติบโตเท่าในปีที่ผ่านมาหรือไม่ วันนี้เรามีแนวโน้มดังกล่าวมาให้ทราบกัน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัดได้รายงาน ภาวะตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในช่วงปลายปี 2552 ที่ผ่านมาว่าในวาระเข้าสู่สิ้นปีที่คาดว่าตลาดจะอยู่ในความสงบในภูมิภาคกลุ่มตลาดเกิดใหม่ กลับแปรเปลี่ยนไปหลังจากรัฐบาลดูไบประกาศขอพักชำระหนี้พันธบัตรของธุรกิจในเครือ ดูไบ เวิลด์ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดในดูไบเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันก่อนวันหยุดยาวทางศาสนาในตะวันออกกลางและในสหรัฐฯ และเป็นไปตามคาด ตลาดการเงินได้รับผลกระทบอย่างไม่คาดการณ์ไว้ก่อน ส่งผลให้เกิดแรงเทขายอย่างรุนแรงในทรัพย์สินกลุ่มนี้ ตั้งแต่พันธบัตรที่เกี่ยวกับดูไบ หุ้นกู้ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเงินท้องถิ่นไม่กี่สกุลของกลุ่มตลาดเกิดใหม่แถบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางและเอเชีย แต่ยังเป็นที่น่ายินดีว่าความกลัวว่าจะเกิดการเทขายพันธบัตรของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกอย่างกว้างขวางไม่เกิดขึ้น โดยหุ้นกู้ของดูไบได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสิ้นเดือน
ทั้งนี้ ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในสกุลเงินหลักของโลกที่จัดทำโดย เจพี มอร์แกน (EMBI Global Diversified Index) ปรับตัวขึ้น 1.08% เมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552ซึ่งน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า แต่ยังสามารถที่จะปรับตัวขึ้นได้เป็นเดือนที่เก้าติดต่อกัน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยส่วนที่สูงกว่าของพันธบัตรสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 0.08% มาอยู่ที่ 3.44% หุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงของประเทศเช่น บราซิล เม็กซิโก มาเลเซีย และรัสเซีย ล้วนเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสูงที่สุด แต่พันธบัตรของเวเนซูเอลาปรับตัวต่ำที่สุดอย่างชัดเจน โดยปรับตัวลดลง 6% โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยเทคนิค ที่ตามมาหลังจากการออกพันธบัตรรัฐวิสาหกิจมูลค่าประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อไม่นานมานี้ และความกังวลเกี่ยวกับกำหนดการออกพันธบัตรใหม่จากรัฐวิสาหกิจด้านน้ำมัน พีดีวีเอสเอ ของเวเนซูเอลา ส่วนดัชนีพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ออกเป็นสกุลเงินท้องถิ่นปรับตัวได้สูงกว่าดัชนีพันธบัตรของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ออกเป็นสกุลเงินหลักของโลก โดยปรับขึ้น 2.2% โดยมีพันธบัตรในสกุลเงินท้องถิ่นของ โคลอมเบีย แอฟริกาใต้ เม็กซิโก โปแลนด์ และฮังการี อยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในตลาด ขณะที่พันธบัตรตุรกีปรับตัวต่ำที่สุด
โดยทรัพย์สินเม็กซิโกมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังจาก ฟิทช์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเม็กซิโกลงมาอยู่ที่ BBB โดยให้เหตุผลถึงบัญชีงบประมาณของเม็กซิโกที่ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากรายรับจากการขายน้ำมันที่ลดลง (เนื่องจากการผลิตน้ำมันลดลง) และปัจจัยลบต่อการขยายฐานรายได้ที่มาจากสินค้าอื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญคือการประมาณการว่าอัตราส่วนหนี้สินรวมของภาครัฐเม็กซิโกจะขยับขึ้นมาเป็น 37% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเกินกว่าค่ากลางของระดับความน่าเชื่อถือ BBB+ ทั้งนี้ ฟิทช์ รับรู้ถึงแนวโน้มการเติบโตของรายได้ภาษี เนื่องจากได้ดำเนินนโยบายมาถูกทาง แต่มีความเห็นว่าเม็กซิโกยังต้องการมาตรการมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างในระบบการเงินสาธารณะที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะในยามที่การผลิตน้ำมันลดลง ขณะนี้ตลาดกำลังรอฟังเสียงจาก เอส แอนด์ พี ซึ่งจัดให้เม็กซิโกอยู่ในอันดับ BBB+ พร้อมแนวโน้มติดลบ โดยได้กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับฐานะการคลังของเม็กซิโก แต่จากมุมมองด้านมหภาค เม็กซิโกดูดีขึ้น โดยสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว หลังจากที่ตัวเลขการเติบโตในไตรมาสสามขยับขึ้น 2.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
ด้านอาร์เจนตินากำลังเตรียมการเสนอข้อเสนอใหม่ให้แก่เจ้าหนี้ผู้ถือพันธบัตรที่ยังค้างการไถ่ถอนจากรัฐบาล หลังจากรัฐสภาให้ความเห็นชอบอย่างเต็มที่ต่อกฎหมายที่จะให้อำนาจรัฐบาลในการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯที่ไม่ได้เข้ารับการไถ่ถอนในโครงการแลกเปลี่ยนพันธบัตรในปี 2548 กฎหมายนี้ระบุว่าเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนพันธบัตรฉบับใหม่จะไม่ดีเท่าโครงการแลกเปลี่ยนพันธบัตรในปี 2548 ในขณะที่สื่อท้องถิ่นให้ความเห็นว่าข้อเสนอใหม่น่าจะเหมือนกับข้อเสนอในปี 2548 แต่จะมีพันธบัตรใหม่อายุ 7 ปีมอบให้ เพื่อเป็นการชำระดอกเบี้ยที่ค้างจ่ายและสะสมมาตั้งแต่ปี 2548 และมูลค่าพันธบัตรเก่าที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนปรับตัวสูงขึ้นในระหว่างเดือน โดยมีแรงหนุนจากกระแสข่าวดีที่เกิดขึ้น
ขณะที่มูลค่าพันธบัตรเวเนซูเอลายังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนนี้ แม้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและนายรามิเรซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตน้ำมัน พีดีวีเอสเอ จะให้ความเห็นว่าตนอาจจะเลื่อนการออกพันธบัตรออกไปจนกว่าจะถึงปีหน้า ทั้งนี้ พีดีวีเอสเอ ได้วางแผนที่จะออกพันธบัตรใหม่มูลค่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าสู่ตลาด โดยมีโครงสร้างหนี้เช่นเดียวกันกับพันธบัตร ปิโตรโบโน ที่ออกภายใต้กฎหมายท้องถิ่น แต่ตลาดยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับปริมาณพันธบัตรออกใหม่ หลังจากมีการออกพันธบัตรรัฐวิสาหกิจมูลค่าเกือบ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งออกขายให้แก่นักลงทุนสถาบันในท้องถิ่น เพื่อช่วยแก้ปัญหาความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนเงินท้องถิ่นที่เป็นทางการและที่เป็นอัตราตลาด ปัญหาในภาคธนาคารยังเป็นปัจจัยกดดันพันธบัตรเวเนซูเอลา หลังจากมีการปิดธนาคารไปสี่แห่ง กระแสข่าวร้ายยังมีต่อไปจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาสสามที่ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดประเมินไว้ว่าจะลดลง 1.5% เท่านั้น
ขณะที่ตราสารหนี้ของยูเครน อยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวต่ำกว่าตลาดในระยะหลังนี้ และทิศทางการปรับตัวยังคงเดิมในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศยืนยันว่าการเบิกจ่ายเงินกู้งวดต่อไปจำนวน 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จะต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากการตั้งกรอบงบประมาณไม่ตรงตามเกณฑ์ หลังจากที่รัฐสภาอนุมัติกฎหมายค่าแรงและเงินบำเหน็จบำนาญที่มีเสียงคัดค้าน และยังมีผู้เดือดร้อนหลังจากที่รัฐวิสาหกิจการรถไฟ Ukrzaliznytia ผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรที่ออกขายในต่างประเทศ ซึ่งสร้างความกังวลต่อการชำระหนี้พันธบัตรอีกงวดที่มีมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีการค้ำประกันการชำระหนี้โดยรัฐบาลด้วย แต่ มูดี้ส จะไม่มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของยูเครนที่อยู่ที่ B2 ลง เนื่องจากเหตุผลที่ไม่มีปรากฏเงื่อนไขในเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ระหว่างกันในพันธบัตรของ Ukrzaliznytia และในพันธบัตรรัฐบาลที่เป็นเงินต่างประเทศ
ภาวะตลาดสินเชื่อในตะวันออกกลางปรับตัวดีขึ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม หลังจากที่ ดูไบ เวิลด์ เปิดเผยรายละเอียดของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งรวมถึงหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในเครือ แต่ไม่รวมหนี้ของบริษัทอื่นๆ หนี้ทั้งหมดที่จะต้องได้รับการปรับโครงสร้างอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งได้รวมหนี้จากการออกพันธบัตรอิสลามของ นาคีล จำนวน 3.52 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว แต่ความเชื่อมั่นในการชำระหนี้ทั้งหมดของรัฐบาลดูไบได้ถูกสั่นคลอนแล้ว ดังนั้นวิธีการที่รัฐบาลจะใช้ในการจัดการกับวิกฤตหนี้สินในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขที่รัฐบาลดูไบและรัฐวิสาหกิจของตนจะต้องรับในการออกขายพันธบัตรของตนในตลาดตราสารหนี้ในอนาคต และในการควบคุมสถานการณ์อย่างทันท่วงที รัฐบาลท้องถิ่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับมือกับความเป็นไปได้ที่ระบบการเงินของประเทศจะล่มสลาย โดยธนาคารกลางของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้จัดหาวงเงินกู้ใหม่ให้แก่ธนาคารท้องถิ่นและธนาคารต่างชาติในประเทศแล้ว
สำหรับแนวโน้มในระยะต่อไป อเบอร์ดีนคาดว่าผลกระทบจากการประกาศพักชำระหนี้ของดูไบจะมีอิทธิพลไม่มากนักต่อตลาดตราสารหนี้โดยรวมในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แต่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบหากยืดเยื้อ จะสร้างข่าวร้ายมากขึ้นอย่างแน่นอนและเตือนความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ที่เคยเกิดขึ้นกับตราสารหนี้ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งอเบอร์ดีน มองว่าตลาดจะแยกแยะได้ และตราสารหนี้ของประเทศอย่างเช่นอาร์เจนตินาและยูเครน จะยังคงปรับตัวตามปัจจัยความเสี่ยงพิเศษที่เกิดเฉพาะในประเทศเหล่านั้นเท่านั้น ขณะเดียวกันการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุนจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปในช่วงสิ้นปี และคาดว่าจะกระเตื้องขึ้นในปี 2553 เมื่อนักลงทุนกลับมารับความเสี่ยงได้อีกครั้ง โดยจะมีแรงหนุนจากหลายด้าน ทั้งแนวนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย อัตราเงินเฟ้อต่ำ และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะดีขึ้นทั่วโลก