ดูเหมือนวิกฤติฟองสบู่ดูไบแตก จะไม่ลุกลามขยายตัวเป็นวิกฤติการณ์เงินโลก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง อย่างที่หวั่นเกรงกันในตอนแรก หลังจากรัฐบาลกลางยูเออี ที่อาบูดาบี ยอมเปิดปาก ปลอบใจตลาดการเงินโลกว่าไม่ต้องห่วง หลังจากดูไบเวิล์ด ประกาศหยุดพักชำระหนี้ 59,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว
ปัญหาหนึ่งของการทำธุรกิจ- ลงทุนในดูไบคือ ความไม่โปร่งใส ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน เมื่อเกิดข่าวลือ ข้อสงสัย ผู้ปกครองนครดูไบ ไม่เคยชี้แจงว่า เกิดอะไรขึ้น เหมือนอย่างเรื่อง หนี้สิน ที่นักลงทุน และนักวิเคราะห์ตะวันตก ตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า ดูไบ น่าจะมีปัญหาเรื่อง ความสามารถในการชำระหนี้ หลังเกิดวิกฤติซับไพร์มที่มีผลกระทบต่อ วงจรการเก็งกำไร อสังหาริมทรัพย์ แต่ทางการดูไบ ก็ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีปัญหา จนนาทีสุดท้าย ก่อนถึงกำหนดไถ่ถอนพันธบัตรอิสลามมูลค่า 3,500 ล้านเหรียญ ของบริษัท นาคีล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดูไบ เวิล์ด ที่ดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์ในดูไบเพียง สองสัปดาห์ จึงยอมสารภาพว่า ไม่มีเงิน ขอเลื่อนการชำระหนี้ออกไปก่อน 6 เดือน
กระนั้นก็ตาม เมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมา ดูไบก็ยังปากแข็ง โทษสื่อและนักลงทุนว่า ขาดความเข้าใจ ตื่นตระหนกเกินเหตุ จับแพะชนแกะ วาดภาพปัญหาดูไบให้เลวร้ายกว่าความเป็นจริง
ย้อนกลับไปดู วิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาในอดีต นับตั้งแต่ฟองสบู่แตกในบ้านเรา เมื่อ 12 ปีที่แล้ว มาจนถึงวิกฤติซับไพร์ม เมื่อปีที่แล้ว ท่าทีของผู้รับผิดชอบก็เป็นไปในท่วงทำนองแบบเดียวกันนี้ คือ ปฏิเสธ ในตอนแรก ยอมรับความจริง เมื่อปิดไม่อยู่แล้ว ปลอบใจตัวเองว่า ปัญหาไม่รุนแรง แก้ไขได้ และโทษผู้อื่นว่า เป็นกระต่ายตื่นตูม
เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน ธนาคารกลางยูเออี ประกาศพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องให้สถาบันการเงินในยูเออี ทั้งที่เป็นธนาคารท้องถิ่น และต่างชาติที่ทำธุรกิจอยู่ในยูเออี
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน เชก คอลิฟา บิน ซายเอด อัล ฮานายัน เจ้าผู้ครองนครอาบูดาบี และประธานาธิบดีของ ยูเออี ปราศรัยเนื่องในวันชาติยูเออี ซึ่งตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม กล่าวตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจของยูเออี กำลังแสดงให้เห็นสัญญาณของการเจริญเติบโต ในช่วงไตรมาส 4 นี้ ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจว่า ประเทศของเราในทุกวันนี้ มีความเข้มแข็ง เศรษฐกิจและสังคมมีความมั่นคง
สารจากอาบูดาบี บอกให้ตลาดการเงินโลกมั่นใจในยูเออี แบงก์ชาติเตรียมเงินไว้แล้ว ไม่ได้ช่วยดูไบ เวิลด์ แต่ช่วยประคองระบบการเงินโดยรวมของยูเออี หากได้รับผลกระทบ ถูกถอนเงินจำนวนมาก
ในขณะที่สารจากดูไบ บอกว่า รัฐบาลดูไบไม่รับผิดชอบ หนี้สินของดูไบ เวิล์ด
เชค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ และเป็นรองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมของยูเออี บอกว่า เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ที่เอารัฐบาลดูไบ ไปปะปนกับดูไบ เวิลด์ ซึ่งเป็นการย้ำในสิ่งที่ อธิบดีกรมการคลังของดูไบ พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า รัฐบาลดูไบ จะไม่รับผิดชอบหนี้สินของดูไบ เวิลด์
ดูไบเวิล์ดเปิดเผย มูลค่าหนี้ที่ต้องปรับโครงสร้างว่า มีมูลค่า 26,000 ล้าน ดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งพันธบัตรอิสลามหรือ” ซูคุค” (sukuk) ของนาคีล 6,000 ล้านดอลลาร์ด้วย
ในหนังสือชี้ชวนการขายพันธบัตร ซึ่งกำกวม ไม่ชัดเจนว่า ผู้ออกพันธบัตร มีความรับผิดชอบอย่างไร หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ แต่ ระบุไว้ว่า ผู้ถือพันธบัตรอิสลาม ไม่มีสิทธิเหนือสินทรัพย์ของดูไบ เวิลด์
ปัญหาหนี้ของดูไบเวิลด์ จะเป็นครั้งแรก ที่ตลาดการเงินโลก จะได้เรียนรู้ว่า เมื่อลูกหนี้ในโลกอิสลาม ไม่สามารถชำระหนี้ที่กู้จากสถาบันการเงินชาติตะวันตกได้ จะมีทางออกอย่างไร เพราะตามกฎหมายอิสลามนั้น ไม่มีลูกหนี้ ไม่มีเจ้าหนี้ มีแต่“ หุ้นส่วน”
เมื่อผู้ถือพันธบัตรอิสลามไม่ใช่เจ้าหนี้ของนาคีล แต่เป็นหุ้นส่วน จะบังคับ ยึดสินทรัพย์มาชำระหนี้ ได้หรือไม่ หรือว่า จะต้องร่วมกันรับผิดชอบความเสียหายในฐานะหุ้นส่วนของ นาคีล
ดังนั้น ปัญหาหนี้สิน และการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบ เวิลด์ จึงเป็นหนังม้วนยาว ที่ต้องรอดูกันต่อไป ข่าวที่ออกมาจากอาบูดาบี และดูไบ เป็นข่าวที่ทำให้เจ้าหนี้สบายใจชั่วคราวเท่านั้น เพราะว่า เป็นครั้งแรกที่ลูกหนี้ยอมพูดอะไรบ้าง หลังจากปิดปากเงียบท่าเดียว แต่ไม่ใช่ข่าวที่ทำให้เจ้าหนี้นอนหลับสนิท เพราะยังไม่รู้ว่า การปรับโครงสร้างหนี้ จะจบอย่างไร จะได้หนี้คืนหรือไม่ และได้เท่าไร แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เจ้าหนี้ต้องยอมรับ เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง
การปรับโครงสร้างหนี้ คือ การสะสาง แก้ไขความผิดพลาดในอดีต ส่วนอนาคตของดูไบ คงไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ความฝัน ที่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เป็นฝันที่สลายเสียแล้ว เพราะคงไม่มีเจ้าหนี้รายใด ยอมปล่อยเงินกู้ให้กับโครการอสังหาริมทรัพย์อีกแล้ว และคงไม่มีนักเก็งกำไร เศรษฐีใหม่ ดาราฮอลลีวู้ดคนใด หลงเข้าไปซื้อบ้านในหมู่เกาะปาล์ม และโครงการวิจิตรพิสดารอื่นอีก เมื่อไม่มีเงินก็สร้างต่อไม่ได้ โครงการก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จ จะถูกทิ้งคาไว้อย่างนั้น โครงการที่เสร็จแล้ว จะถูกทิ้งร้างไว้ คนซื้อไม่เข้าไปอยู่ เกาะที่ถมทะเลขึ้นมา จะเป็นที่รกร้างว่างเปล่า และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
อนาคตของดูไบ จบแล้ว เหมืนกับอนาคตของ นช. ทักษิณ ชินวัตร ที่ฝันว่าจะกลับมาทวงอำนาจคืน เพื่อทำให้คนไทยมีความสุข หมดหนี้ หมดทุกข์ ซึ่งเป็นอนาคตที่จบไปแล้ว ตั้งแต่วันสงกรานต์ที่ผ่านมา
เมื่อดูไบ มีปัญหาชำระหนี้ไม่ได้ มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับดูไบ อย่างกว้างขวาง ทำให้พอจะสันนิษฐานได้ว่า ทำไม นช. ทักษิณ จึงเลือกไปอยู่ดูไบ
นอกจากไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับยูเออีแล้ว ยังอาจเป็นเพราะว่า นครรัฐทั้ง 7 ต่างมีการปกครองกึ่งอิสระ โดยเรื่องต่างประเทศ และความมั่นคง เป็นอำนาจของรัฐบาลกลางที่อาบูดาบี กระทรวงต่างประเทศของไทย จะขอให้ยูเออีจัดการกับ นช. ทักษิณ ที่ใช้ดูไบ เป็นฐานก่อกวนแผ่นดินแม่ ก็ต้องติดต่อไปทางอาบูดาบี ให้ไปบอกกับดูไบ ความที่ต่างเป็นรัฐอิสระต่อกัน และแข่งขันกันอยู่ในที่ รัฐบาลกลางที่อาบูดาบี ก็คงไม่อยากเข้าไปเปลืองตัวกับเรื่องนี้มาก จึงทำให้ นช. ทักษิณ ใช้ดูไบ เป็นฐานปฏิบัติการได้
นช.ทักษิณ รู้จักกับ สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม ( Sultan Ahmed Bin Sulayem)ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ดูไบ เวิลด์ และเป็นที่ปรึกษาใหญ่ 1 ใน 3 คนของ ผู้ครองนครดูไบ ก่อนที่จะหนีคดีไปเมืองนอก เขาเคยพาสุลต่านคนนี้ มาปาฐกถา เรื่อง ‘Evolutionary Reform : The Dubai Experience’ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เพื่อแสดง วิสัยทัศน์หรือความฝัน ในการสร้างดูไบ ให้คนไทยเกิดแรงบันดาลใจบ้าง
สุลต่าน อะห์เหม็ด บิน สุลาเย็ม มีบทบาทและมีอิทธิพลต่อผู้ครองนครดูไบมาก โครงการถมทะล สร้างเกาะ สร้างโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก ล้วนเกิดจากจิตนาการของเขา และที่ปรึกษาอีก 2 คน ซึ่งต่างแข่งขันกันเองเพื่อให้เป็นที่โปรดปรานของผู้ครองนคร
อิทธิพลของสุลต่าน ที่เข้าถึงผู้ครองนครดูไบ น่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ นช. ทักษิณ อยู่ในดูไบได้
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ก่อนที่ดูไบจะประกาศพักการชำระหนี้ เจ้านครดูไบ ปลดสุลต่าน อะห์เหม็ด บินสุลาเย็ม และที่ปรึกษาอีก 2 คน ออกจากตำแหน่งกรรมการ Investment Corporation Of Dubai, หรือ ICD ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของดูไบ ทำให้ ICD เหลือแต่กรรมการที่เป็นญาติและคนวงในของเจ้านครเท่านั้น อันเป็นผลจากการบริหารที่ผิดพลาดของที่ปรึกษาทั้ง 3 คน ที่แข่งกันเนรมิตโครงการอสังหาริมทรัพย์ และใช้จ่ายเงินมากเกินตัว จนทำให้ดูไบเป็นหนี้มหาศาล
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ เป็นการส่งสัญญาณว่า ดูไบจะมีแนวทางการพัฒนาที่อนุรักษ์นิยมมากขึ้น กลับไปสู่พื้นฐานของตัวเอง คือ กลับไปเน้นที่การเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางการค้า และการท่องเที่ยว ก ารปรับโครงสร้างหนี้ คือ การสะสาง แก้ไขความผิดพลาดในอดีต ส่วนอนาคตของดูไบ คงไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ความฝัน ที่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เป็นฝันที่สลายเสียแล้ว เพราะคงไม่มีเจ้าหนี้รายใด ยอมปล่อยเงินกู้ให้กับโครการอสังหาริมทรัพย์อีกแล้ว และคงไม่มีนักเก็งกำไร เศรษฐีใหม่ ดาราฮอลลีวู้ดคนใด หลงเข้าไปซื้อบ้านในหมู่เกาะปาล์ม และโครงการวิจิตรพิสดารอื่นอีก เมื่อไม่มีเงินก็สร้างต่อไม่ได้ โครงการก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จ จะถูกทิ้งคาไว้อย่างนั้น โครงการที่เสร็จแล้ว จะถูกทิ้งร้างไว้ คนซื้อไม่เข้าไปอยู่ เกาะที่ถมทะเลขึ้นมา จะเป็นที่รกร้างว่างเปล่า และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่อไป
เมื่อไม่มี สุลต่าน อะห์ เหม็ด บิน สุลาเย็มแล้ว อนาคตของนช. ทักษิณ ในดูไบ ก็เหมือนอนาคตจของดูไบ คือ จบแล้ว อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้กระมัง จนบัดนี้ จึงยังไม่ได้ฟังความคิดเห็นของเขาที่มีต่อ ปัญหาของดูไบเลย