xs
xsm
sm
md
lg

คอมมอนีตี-ตลาดเกิดใหม่มาเเรง KTAMเชียร์KTILมั่นใจให้ยิลด์สูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ลจ.กรุงไทย ประเมินปี 53 สินค้าโภคภัณฑ์-ตลาดเกิดใหม่ มาเเรงหลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว เเนะนักลงทุนกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยง พร้อมชูผลงาน"กองทุนเคแทม อินเวสท์เมนท์ เลเจนด์ ฟันด์" 1 ปีผลตอบเเทนสูงถึง 28% มั่นใจนโยบายการลงทุนเหมาะปีเสือดุ

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเเละสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2553 จะได้รับผลดีจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวในตัวได้ในปลายปี 2552 อันเป็นผลจากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกประกอบกับภาวะเศรษฐกิจนั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้ว รวมทั้งสภาพคล่องทางการเงินที่มีอยู่ในระดับสูง เนื่องจากอัตตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ

อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบเเทนการลงทุนในช่วงนี้อาจผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอยู่ในขณะนี้ยังมีความเปราะบาง เเละอาจมีเเรงเทขายทำกำไรระยะสั้นจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้กองทุนที่เราอยากเเนะนำให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนตอนนี้คือ กองทุนเปิดเคแทม อินเวสท์เมนท์ เลเจนด์ ฟันด์ (KTIL) เนื่องจากกองทุนดังกล่าวมีความน่าสนใจมากสำหรับการลงทุนในระยะยาว เเละช่วงนี้ เพราะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ตั้งเเต่มีการจัดตั้งกองทุน KTIL ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2552 จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2552 กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบเเทนได้ถึง 28% เนื่องจากกองทุนได้ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารทุน และสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งล้วนเเต่มีการปรับตัวสูงขึ้น เพราะว่ามีการคาดหวังเรื่องของเศรษฐกิจโลก ที่ฟื้นตัวในระดับหนึ่งเเล้ว ซึ่งเห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นใน Emerging market หรือตลาดเกิดใหม่ ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 89.6% ส่วนดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ คอมมอนีตี ก็ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 36%

ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 36.5% และผลตอบเเทนกองทุนตราสารหนี้ปรับเพิ่มประมาณ 11.4% นอกจากผลตอบเเทนของกองทุนที่อยู่ในระดับน่าพอใจเเล้ว กองทุน KTIL ยังมีความเสี่ยงในระยะยาวที่อยู่ในระดับต่ำจากการกระจายความเสี่ยงของกองทุน ซึ่งการลงทุนโดยการกระจายการลงทุนนี้เหมาะสมกับการลงทุนในปี 2553 ที่คาดว่าจะมีความผันผวนสูงขึ้น

"เราตั้งเป้าสินทรัพย์กองทุนเคแทม อินเวสท์เมนท์ เลเจนด์ ฟันด์ ทั้งปี 2553 ประมาณ 300 ล้านบาท โดยปัจจุบันเรามีสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 85 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบเเทนที่ดีให้กับนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมา เเละเราอยากให้กองทุนนี้เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน" นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวต่อว่า การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ในสัดส่วน 40% น่าจะช่วยเสริมโอกาสการลงทุนในระยะยาวได้เป็นอย่างดี เนื่องจากทั่วโลกต่างคาดการณ์ถึงอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น เเละนักลงทุนเริ่มกระจายความการลงทุนไปยังสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะมีผลให้ระดับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นตามไปด้วย และมีเเนวโน้มว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกับค่าเดิมได้เมื่อเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวในระดับปกติ เมื่อประกอบกับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ในสัดส่วน 20% ซึ่งตราสารหนี้นั้นสร้างผลตอบเเทนที่สม่ำเสมอเทียบกับหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนเเละสินค้าโภคภัณฑ์ เมื่อตลาดหุ้นเเละสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนค่อนข้างมาก ตราสารหนี้นั้นจะช่วยพยุงพอร์ตการลงทุนให้ผลตอบเเทนไม่ผันผวนมากจนเกินไป

ทางด้านนายปวิณ รอดลอยทุกข์ ผู้อำนวยสายการบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้เเบงก์ กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากสภาวะความถดถอยทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 เเละ 3 ของปีที่ผ่านมา ดัชนีการเจริญเติบโตยังคงเเข็งเเกร่งอยู่ในช่วงต้นปี 2553 ประเทศเกิดใหม่น่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงคาดว่าสหรัฐเเละสหรัฐฯเองจะมีการเติบโตมากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วที่อื่นๆ ทั้งนี้เรามองว่าตราสารทุนจะให้ผลตอบเเทนที่มากกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ ถึงเเม้ว่าผลตอบเเทนจะไม่สูงเท่าปีผ่านมา

ทั้งนี้กลยุทธ์ใน 6 เดือนแรกของปีนี้จะเปลี่ยนไปโดยจะหาผลตอบเเทนจากภูมิภาคหรือกลุ่มธุรกิจที่ยังไม่ปรับตัวสูงขึ้นเเละหาผลตอบเเทนที่ไม่ผันผวนด้วยการลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูง รวมถึงกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่างๆที่ให้ผลตอบเเทนไม่ไปในทิศทางเดียวกัน หรือ Low correlation อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น