xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.ปรับปรุงเกณฑ์กองทุน ยกระดับเทียบชั้นมาตรฐานสากล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 
สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเฮียร์ริ่งปรับปรุงหลักเกณฑ์ธุรกิจจัดการกองทุน หวังเพิ่มความยืดหยุ่น ลดอุปสรรค ยกระดับเทียบชั้นสากล
 
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำนักงาน ก.ล.ต. มีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลธุรกิจจัดการลงทุน (กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ในหลายเรื่อง เพื่อให้หลักเกณฑ์มีความยืดหยุ่น ลดอุปสรรคต่อการพัฒนาของภาคธุรกิจ สามารถรองรับนวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นการแก้ไขหลักเกณฑ์จนถึงวันที่ 29 มกราคม 2553
 
สำหรับสาระสำคัญของหลักเกณฑ์ที่จะปรับปรุงประกอบด้วย ประเภทหลักทรัพย์และทรัพย์สินที่กองทุนสามารถลงทุนได้ โดยจะกำหนดให้มีลักษณะเป็น principle-based มากขึ้น โดยกำหนดด้วยลักษณะของหลักทรัพย์และทรัพย์สิน เช่น มีสภาพคล่องสอดคล้องกับการไถ่ถอนคืนหน่วยลงทุน มีข้อมูลหลักทรัพย์และราคาที่สะท้อนมูลค่ายุติธรรมอย่างเหมาะสมและน่าเชื่อถือ
 
ส่วนการลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศ หากเป็นหน่วยลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งและเสนอขายตามหลักเกณฑ์ของ Undertakings for Collective Investment in Transferable Securities (UCITS) ซึ่งกำหนดโดย European Economic Committee (EEC) ให้ถือว่ามีการให้ความคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุนที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนดแล้ว
 
ในขณะที่อัตราส่วนการลงทุน จะปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้การลงทุนมีการกระจายการลงทุนมากขึ้นและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยยกเลิกเกณฑ์การอนุญาตกองทุนที่ลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (specific fund) และกรณีกองทุนทั่วไปกำหนดให้ลงทุนในตราสารของผู้ออกรายใดรายหนึ่ง company limit ได้ไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โดยอาจขยายการลงทุนในผู้ออกรายใดรายหนึ่งเพิ่มได้แต่ต้องไม่เกิน 20% ของ NAV และเมื่อนับรวมกรณีที่มีการลงทุนเกิน 10% ของ NAV เข้าด้วยกันแล้ว ต้องไม่เกิน 60% ของ NAV

 สำหรับการจัดประเภทกองทุน จะต้องเป็นไปตามฐานะความเสี่ยงที่กองทุนมี (risk exposure) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี แทนการกำหนดตามมูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ ซึ่งจะสะท้อนความเสี่ยงในการลงทุนของกองทุนได้ดียิ่งขึ้น
 
ขณะเดียวกัน การจัดตั้งกองทุนรวมหน่วยลงทุน (fund of funds: FOFs) จะกำหนดให้ต้องมีฐานะความเสี่ยงในหน่วยลงทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% จากเดิมไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) โดยแบ่งกองทุน FOFs เป็น 2 ประเภท คือ กองทุนหน่วยลงทุนแบบกระจายตัว (diversified FOFs)  และกองทุนหน่วยลงทุนแบบไม่กระจายตัว (non-diversified FOFs) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผู้ลงทุน

 ส่วนประเด็นการพิจารณาว่าทรัพย์สินที่กองทุนที่ไปลงทุนเป็นทรัพย์สินต่างประเทศหรือไม่ จะพิจารณาจาก risk exposure ของการลงทุน เช่น ทรัพย์สินที่ไปลงทุนมีความเสี่ยงของประเทศที่ไปลงทุน ความเสี่ยงด้านผู้ออก
ตราสารหรือคู่สัญญาหรือความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่งในต่างประเทศ ให้ถือว่าเป็นการลงทุนในต่างประเทศ
 
สำหรับกองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีนโยบายการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบถี่ จะต้องมีการบริหารจัดการความสี่ยงที่รัดกุมยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความคาดหวังของผู้ลงทุน  เช่น กำหนดคุณภาพของตราสาร กำหนดอัตราส่วนให้มีการกระจายตัว กำหนดข้อจำกัดในการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูงและในทรัพย์สินต่างประเทศ เป็นต้น รวมทั้งจะกำหนดให้การลงทุนในต่างประเทศต้องป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนตลอดระยะเวลาลงทุนด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น