กองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้เเรงยังดี 4 บลจ. พาเหรดขายหน่วยลงทุน มั่นใจผลตอบเเทนดีกว่าฝากเงินเเบงก์ เปิดขายโอพีโอทั้ง 5 กองทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 13 มกราคม 2553 ขณะที่นครหลวงไทยขายพ่วงกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทยเพิ่มอีก 1 กอง
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเปิดศักราชใหม่ด้วยกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และเป็นการส่งเสริมการออมเงินระยะสั้นสำหรับประชาชนทั่วไป โดยขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 5 หรือ MK6S5 ซึ่งเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศที่ผลตอบแทนดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ และลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
โดยกองทุนเปิด MK6S5 มีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยได้เปิดขายหนว่ยลงทุนแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 13 มกราคม 2553 นี้
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MK6S5 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดขายกองทุนพร้อมกัน 3 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 3,900 ล้านบาท ได้แก่ 1.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน1/10 (NKT FFI9M1/10) อายุโครงการประมาณ 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.25% ต่อปี 2.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน1/10 (NKT FFI6M1/10) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.10% ต่อปี
สำหรับทั้งสองกองทุนเน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating ลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
3.กองทุนเปิดนครหลวงไทย พันธบัตรไทยคุ้มครองเงินต้น 6เดือน1/10 (NKT TGP6M1/10) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.00% ต่อปี เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นคุ้มครองเงินต้น ซึ่งบริษัทจัดการจะคุ้มครองเงินต้นตามมูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาท/หน่วยลงทุน
นายไตรพิชิต กล่าวว่า ทั้งสามกองทุนเปิดเสนอขายแล้วตั้งแต่วันนี้ - 12 มกราคม 2553 นี้ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนพร้อมเงินต้นอัตโนมัติครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ มูลค่าขั้นต่ำของการลงทุนเพียง 2,000 บาท ราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ
ส่วนทางด้านรายงานข่าวจาก บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บลจ.กำลังอยู่ในช่วงการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 12 มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 12 เดือนโดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนใน Monetary Stabilization Bond ซึ่งอยู่ภายใต้ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนนี้จะให้ผลตอบเเทนประมาณ 1.70% ต่อปี ทั้งนี้เงินลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 12 จะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเเลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอีกด้วย โดยกองทุนดังกล่าวเปิดขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 12 มกราคม 2553
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 6M1 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยกองทุนดังกล่าว จะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตราสารหนี้ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงินโดยสถาบันการเงิน รวมทั้งเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนดังกล่าวเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 11 มกราคม 2553
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เอ็มเอฟซีเปิดศักราชใหม่ด้วยกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และเป็นการส่งเสริมการออมเงินระยะสั้นสำหรับประชาชนทั่วไป โดยขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี กาญจนทรัพย์ 6 ซีรี่ส์ 5 หรือ MK6S5 ซึ่งเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศที่ผลตอบแทนดี เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ และลงทุนได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยที่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
โดยกองทุนเปิด MK6S5 มีมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดี เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารทางการเงินที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหรือออกโดยสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยได้เปิดขายหนว่ยลงทุนแรก (ไอพีโอ) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ - 13 มกราคม 2553 นี้
ทั้งนี้ เมื่อครบอายุกองทุน บริษัทจะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนกองทุนเปิด MK6S5 และสับเปลี่ยนอัตโนมัติไปยังกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรตลาดเงิน (MM-GOV) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีความมั่นคงสูง ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยตราสารมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับโอกาสที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.นครหลวงไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดขายกองทุนพร้อมกัน 3 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 3,900 ล้านบาท ได้แก่ 1.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน1/10 (NKT FFI9M1/10) อายุโครงการประมาณ 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.25% ต่อปี 2.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน1/10 (NKT FFI6M1/10) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.10% ต่อปี
สำหรับทั้งสองกองทุนเน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating ลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
3.กองทุนเปิดนครหลวงไทย พันธบัตรไทยคุ้มครองเงินต้น 6เดือน1/10 (NKT TGP6M1/10) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.00% ต่อปี เน้นลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 85% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และลงทุนในเงินฝากธนาคารพาณิชย์ประมาณ 15% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เป็นกองทุนที่มุ่งเน้นคุ้มครองเงินต้น ซึ่งบริษัทจัดการจะคุ้มครองเงินต้นตามมูลค่าที่ตราไว้ 10.00 บาท/หน่วยลงทุน
นายไตรพิชิต กล่าวว่า ทั้งสามกองทุนเปิดเสนอขายแล้วตั้งแต่วันนี้ - 12 มกราคม 2553 นี้ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนพร้อมเงินต้นอัตโนมัติครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ มูลค่าขั้นต่ำของการลงทุนเพียง 2,000 บาท ราคา 10 บาทต่อหน่วยลงทุน ลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ
ส่วนทางด้านรายงานข่าวจาก บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า บลจ.กำลังอยู่ในช่วงการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 12 มีระยะเวลาการลงทุนประมาณ 12 เดือนโดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนใน Monetary Stabilization Bond ซึ่งอยู่ภายใต้ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ ซึ่งกองทุนนี้จะให้ผลตอบเเทนประมาณ 1.70% ต่อปี ทั้งนี้เงินลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 12 เดือน 12 จะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเเลกเปลี่ยนทั้งจำนวนอีกด้วย โดยกองทุนดังกล่าวเปิดขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 12 มกราคม 2553
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวจาก บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังอยู่ในช่วงการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น 6M1 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยกองทุนดังกล่าว จะลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่เสนอขายในประเทศ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และ/หรือภาคเอกชน โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ตราสารหนี้ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงินโดยสถาบันการเงิน รวมทั้งเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่า 90% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนดังกล่าวเปิดขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 11 มกราคม 2553