บลจ.ธนชาต เผยแผนงานไตรมาส 1 รุกตลาดกองทุนมันนีมาร์เก็ต หลังผลตอบแทนกองทุนเกาหลีหมดเสน่ห์ ชูทางเลือกนักลงทุนพักเงิน ก่อนหาจังหวะลงทุนใหม่
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 ว่า บริษัทจะเน้นรุกกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนีมาร์เก็ตในการทำการตลาดเป็นหลัก เนื่องจากว่ากองทุนรวมต่างประเทศเริ่มไม่ค่อยน่าสนใจเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนไม่ค่อยคึกคักเหมือนแต่ก่อน รวมถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ไม่มากนัก จึงไม่ค่อยจูงใจนักลงทุน อีกทั้งยังมีสภาพคล่องไม่มากนัก
"กระแสกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ เริ่มแผ่วลงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจึงเน้นกองทุนมันนีมาร์เก็ตเป็นหลัก หลังจากที่กองทุนเกาหลีใต้เริ่มทยอยครบกำหนด"
นอกจากนี้แล้ว กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลเองผลตอบแทนคงไม่สูงมากนัก และส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลกับดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มจะแคบลงด้วย ดังนั้นการที่จะออกกองทุนใหม่ ๆ ขณะนี้ยังคงต้องรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่าจังหวะไหนถึงจะเหมาะสม
สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนีมาร์เก็ต ที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีอยู่ด้วยกัน 2 กองทุนประกอบไปด้วย 1. กองทุนรวมธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH และกองทุนรวมธนชาตตลาดเงิน หรือ T-MONEY ซึ่ง ณ วันที่ 7 มกราคม 2553 กองทุน T-CASH มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 24,475,502.32 ล้านบาท ส่วนมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.37 บาทต่อหน่วย ส่วนเอ็นเอวีอยู่ที่ 1,816.01 ล้านบาท ส่วนมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.33 บาทต่อหน่วย
ขณะเดียวกันผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 7 มกราคม 2553 กองทุน T-CASH ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.03% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.57% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.96% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.60% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 1.22% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.67% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 2.72% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.61%
ส่วนกองทุน T-MONEY ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.87% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.83% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 0.93% โดยกองทุนดังกล่าวจะใช้เกณฑ์มาตรฐานวัดเดียวกับกองทุน T-CASH
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1 ว่า บริษัทจะเน้นรุกกองทุนรวมตลาดเงินหรือมันนีมาร์เก็ตในการทำการตลาดเป็นหลัก เนื่องจากว่ากองทุนรวมต่างประเทศเริ่มไม่ค่อยน่าสนใจเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนไม่ค่อยคึกคักเหมือนแต่ก่อน รวมถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ต่างก็ให้ผลตอบแทนที่ไม่มากนัก จึงไม่ค่อยจูงใจนักลงทุน อีกทั้งยังมีสภาพคล่องไม่มากนัก
"กระแสกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ เริ่มแผ่วลงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจึงเน้นกองทุนมันนีมาร์เก็ตเป็นหลัก หลังจากที่กองทุนเกาหลีใต้เริ่มทยอยครบกำหนด"
นอกจากนี้แล้ว กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ ในส่วนของพันธบัตรรัฐบาลเองผลตอบแทนคงไม่สูงมากนัก และส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลกับดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มจะแคบลงด้วย ดังนั้นการที่จะออกกองทุนใหม่ ๆ ขณะนี้ยังคงต้องรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยว่าจังหวะไหนถึงจะเหมาะสม
สำหรับกองทุนรวมตลาดเงิน หรือมันนีมาร์เก็ต ที่บริษัทบริหารจัดการอยู่มีอยู่ด้วยกัน 2 กองทุนประกอบไปด้วย 1. กองทุนรวมธนชาตบริหารเงิน หรือ T-CASH และกองทุนรวมธนชาตตลาดเงิน หรือ T-MONEY ซึ่ง ณ วันที่ 7 มกราคม 2553 กองทุน T-CASH มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวีอยู่ที่ 24,475,502.32 ล้านบาท ส่วนมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.37 บาทต่อหน่วย ส่วนเอ็นเอวีอยู่ที่ 1,816.01 ล้านบาท ส่วนมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 10.33 บาทต่อหน่วย
ขณะเดียวกันผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 7 มกราคม 2553 กองทุน T-CASH ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 1.03% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.57% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.96% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.60% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 1.22% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.67% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 2.72% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 1.61%
ส่วนกองทุน T-MONEY ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 0.87% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 0.83% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 0.93% โดยกองทุนดังกล่าวจะใช้เกณฑ์มาตรฐานวัดเดียวกับกองทุน T-CASH
