xs
xsm
sm
md
lg

แนะล็อคเงินสั้นไม่เกิน6เดือน หวั่นเสียโอกาสดอกเบี้ยขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"วรวรรณ" แนะนักลงทุนเสี่ยงต่ำ พักเงินในมันนี่มาร์เกต หรือบอนด์ระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน รอทิศทางดอกเบี้ยชัดเจน ระบุหากเสี่ยงได้ หุ้นและกองทุนหุ้น ตอบโจทย์ได้ ด้าน บลจ.วรรณ คาดดอกเบี้ยขยับได้อีก 0.25-0.5% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แนะหากลงทุนได้ผลตอบแทนแล้ว 10% ให้ตัดสินใจว่าจะขายหรือถือต่อ

นางวรวรรณ ธาราภูมิ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า แผนงานออกกองทุนของบริษัทในปีนี้นั้น มองว่าเป็นโจทย์ที่ยากมากกับการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้แก่นักลงทุน เนื่องจากว่าในปีนี้อาจจะมีกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ครบกำหนดอายุโครงการ ไปในทุกเดือน ดังนั้น เราต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทดแทนการลงทุนดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ ผลตอบแทนของกองทุนดังกล่าว คาดการณ์ว่าอาจจะไม่ค่อยจูงใจนักลงทุนมากนัก ดังนั้น ในช่วง 6 เดือนแรกของปี นักลงทุนบางรายอาจจะไม่ชอบควาเสี่ยง และหากการลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้ นักลงทุนอาจจะนำเงินไปพักไว้กับเงินฝากแทน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรที่จะล็อคเงินไว้นานจนเกินไป เนื่องจากว่าอัตราดอกเบี้ยอาจมีการปรับสูงขึ้น และอาจจะมีพันธบัตรออกในประเทศออกขายอีกมากมายในปีนี้ ซึ่งอาจจะเริ่มเห็นการเปิดขายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นี้ ดังนั้น นักลงทุนอาจจะต้องทำการพักเงินไว้ก่อน โดยอาจจะพักไว้ในกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี เนื่องจากกองทุนดังกล่าวสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี

นางวรวรรณกล่าวต่อไปว่า หากนักลงทุนบางราย รับความเสี่ยงไม่ได้เลย และเงินในส่วนนั้นต้องใช้ในระยะเวลาอีกไม่นาน นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง (Risky Assets) และต้องทำใจยอมรับผลตอบแทนน้อย ๆ แต่ทำให้นักลงทุนสบายใจ เช่น การฝากเงิน หรือการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบ กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี หรือการลงทุนในกองทุนพันธบัตรต่างๆ ที่มีอายุสั้นๆ ไม่เกิน 6 เดือน เพราะหากล็อคเงินลงทุนยาวไป นักลงทุนอาจพลาดโอกาสจากการที่อัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ถ้านักลงทุนบางรายสามารถที่จะลงทุนได้ในระยะเวลานาน ๆ หลาย ๆ ปี และนักลงทุนสามารถทำใจยอมรับความผันผวนและความเสี่ยงในบางช่วงได้ โดยหวังผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว หุ้นและกองทุนหุ้นจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ มีความเป็นไปได้ที่กองทุนตราสารหนี้จะขาดทุนจากการบันทึกราคาตลาด (mark to market) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มตัวขึ้นประมาณ 0.25-0.5%จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จึงส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ในปีนี้ บริษัทพยายามจะต้องพยายามหาสินค้าใหม่ๆ เพื่อมาตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ให้มากขึ้น โดยการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นถือว่ามีความน่าสนใจ ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะระยะเวลาในการลงทุนไม่มากเท่านัก

อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ เพื่อสร้างสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ขึ้นมาทดแทนในส่วนที่หายไปให้ได้มากที่สุด โดยกองทุนใหม่ที่จะออกในปีนี้ บริษัทจะเน้นที่กองทุนหุ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตใหม่ๆ นั้นจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 8-9 ปี เศรษฐกิจถึงจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนควรเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารและการลงทุนมากขึ้น แม้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจอาจจะยังไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก

นายมนรัฐ ได้แนะนำนักลงทุนอีกว่า การลงทุนนั้นหากได้รับผลตอบแทนมากกว่า 10% นักลงทุนควรจะเริ่มพิจารณาว่า ควรจะขายทำกำไรออกไปก่อน หรือ จะถือลงทุนต่อไป โดยต้องพิจารณาราคาต่อกำไรควบคู่กันไปด้วย

ทั้งนี้ สินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ที่น่าจะลดลงไปเหลือเพียง 6.5-6.6 หมื่นล้านบาทหรือลดลงประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จากเอยูเอ็มสิ้นปี 2552 ที่มีอยู่ 7.5 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นผลจากการที่ไม่ได้ต่อสัญญาบริหารกองทุนสำรองเลียงชีพ ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท รวมถึงกองทุนร่วมทุนกับภาครัฐมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 3-4 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2553
กำลังโหลดความคิดเห็น