บลจ.อเบอร์ดีน ชี้ ปีหน้าดอกเบี้ยตลาดเกิดใหม่เป็นขาขึ้น แต่ตลาดบอนด์ไม่รุ่งเท่าปีนี้ คาดปีหน้าดอลลาร์สหรัฐฯ อาจแข็งค่า ระบุส่งผลดี 2 ทางต่อกองบอนด์ของอเบอร์ดีน ทั้งยิลด์จากอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน
นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกว่า ในปี 2552 ตลาดตราสารหนี้ของกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีความน่าสนใจมาก โดยให้ผลตอบแทนที่ดีมากถึง 30% อย่างไรก็ตาม สำหรับในปี 2553 นั้น คาดว่าตลาดตราสารหนี้ไม่น่าจะดีเท่ากับปีนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มปรับตัวดีขึ้น
โดยมองว่า ในปี 2553 ทิศทางดอกเบี้ยของทั่วโลกน่าจะเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะในเอเชียและละตินอเมริกา ขณะที่ประเทศสหรัฐฯนั้น คาดว่าน่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตลอดทั้งปี เพื่อคงการกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไว้ ขณะเดียวกันปัจจัยที่น่าจับตามองคือ หากสหรัฐฯยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว เศรษฐกิจของสหรัฐฯในครึ่งปีหน้าจะเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งยังเป็นที่จับตามองอยู่
สำหรับกองทุน อเบอร์ดีน อีเมอร์จิ้ง ออพพอร์ทูนิตี้ส์ บอนด์ ฟันด์ ของ บลจ.อเบอร์ดีนที่ลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ของประเทศเกิดใหม่นั้น ยังคงลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ที่เป็นสกุลเงินท้องถิ่นอยู่เพียง 10-20%
ส่วนใหญ่ยังคงลงทุนอยู่ในอยู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจากแนวโน้มในปี 2553 ที่คาดว่าดอกเบี้ยของประเทศเกิดใหม่น่าจะเป็นขาขึ้นและเงินดอลลาร์สหรัฐฯน่าจะมีการแข็งค่าขึ้นมานั้น ส่งผลให้กองทุนของอเบอร์ดีน ได้ผลดีทั้ง 2 ทาง ทั้งผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ายังต้องติดตามเศรษฐกิจเป็นรายไตรมาสต่อไป ขณะเดียวกันเรื่องของอัตราเงินเฟ้อก็ต้องติดตามด้วยเช่นกันว่าธนคารกลางของประเทศต่างๆจะมีนโยบายในเรื่องดอกเบี้ยเป็นอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ อเบอร์ดีนยังได้รายงานสถานกาณ์ของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงประจำเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ดัชนีตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงฟื้นตัวสวนกระแสตลาดหุ้นที่ชะลอตัวลงทั้งหมดในเอเชียในเดือนตุลาคม เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนแผ่นดินใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นในไตรมาสสาม โดยมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการขยายตัวของสินเชื่อสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ผลประกอบการขององค์กรประจำไตรมาสก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน
ด้านเศรษฐกิจของฮ่องกงก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของราคาอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ทำให้ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นเกณฑ์การชำระเงินดาวน์สำหรับการซื้อที่พักอาศัยระดับบนจาก 30% เป็น 40%
ในขณะเดียวกัน อุปสงค์ของหุ้นออกใหม่ที่เสนอขายต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกดูเหมือนจะเบาบางในช่วงต้นเดือนตุลาคม แต่ในช่วงปลายเดือน ความสนใจในหุ้นออกใหม่กลับเข้ามา อาจเป็นเพราะระดับราคาปรับตัวอย่างมีเหตุผลมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของตลาดหุ้นในการขายหุ้นออกใหม่เหล่านี้
อย่างไรก็ตาม อเบอร์ดีนยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของการฟื้นตัวของจีนและฮ่องกง โดยเฉพาะผลกระทบหากมีการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและอุปสงค์ของภาคเอกชนไม่สามารถจะขยายตัวได้อีก ดังนั้น อเบอร์ดีนจึงมีมุมมองไปในทางระมัดระวัง โดยเชื่อมั่นว่าแนวโน้มในระยะยาวของจีนและฮ่องกงยังคงสดใส เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงของจีนและฮ่องกง