xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสส่งFIFลุยหุ้นเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิน อุดมรัชตวนิชย์
 
บลจ. แอสเซท พลัส คลอดทาร์เกตฟันด์ลุยหุ้นเอเชียแปซิฟิก ชูโอกาสเติบโตเร็วในปีหน้า โดยมีจีน เกาหลีใต้เป็นตัวนำ ตั้งเป้าทำกำไร 10% ภายใน 8 เดือน
 
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน หลังจากที่ได้ผ่านวิกฤตการณ์สถาบันการเงินในช่วงปี 2551ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีการคาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีความแข็งแกร่งกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น
 
เนื่องจากว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น มีขีดความสามารถในการเติบโตอยู่ในระดับที่สูงจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น และฐานะทางการเงินที่ค่อนข้างมั่นคงเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน และเกาหลีใต้ ที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศในกลุ่มเอเชียมีแนวโน้มกลับมาเติบโตได้เร็วในปีหน้า 
 
ทั้งนี้ จากการที่บลจ.แอสเซท พลัส มีมุมมองในเชิงบวกด้านปัจจัยพื้นฐานกับการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก จึงได้เสนอขายกองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอเชียรีคัฟเวอรี่ 10/8 (ASP-ASIA10/8) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 9 ธันวาคมนี้ โดยมีมูลค่าการลงทุนขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000 บาท ซึ่งกองทุนมีนโยบายลงทุนใน Lyxor ETF MSCI AC Asia Pacific ex Japan ที่เป็นกองทุนรวม ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
 
สำหรับกองทุน Lyxor มีนโยบายเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำและขนาดใหญ่ในประเทศต่างๆ ในเอเชีย เช่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเชีย มาเลเชีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย โดยผสมลักษณะของหุ้นระหว่างหุ้นที่มีการเติบโตสูง (High Growth) เช่น เกาหลีใต้ และจีน และหุ้นที่สามารถต้านทานภาวะความผันผวนของตลาดได้สูง (Defensive) เช่น ออสเตรเลีย  โดยกองทุนมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในดัชนี MSCI AC Asia Pacific Ex Japan ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงในการลงทุนหุ้นในประเทศแถบเอเชียที่มีสภาพคล่องสูง
 
ทั้งนี้ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอเชียรีคัฟเวอรี่ 10/8 มีลักษณะเป็น Target Fund ที่มีการกำหนดผลตอบแทนเป้าหมายที่แน่นอนที่ 10% โดยกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 11 บาท เป็นเวลาติดต่อกัน 3 วันทำการ หรือเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งเป็นระยะเวลาการลงทุนสั้นๆ เพียง 8 เดือน ทั้งนี้ จากแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจในเอเชีย น่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้
 
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ดัชนี  MSCI AC Asia Pacific ex Japan ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 61.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 17.07% และดัชนีโลก MSCI All Country World ปรับเพิ่มขึ้น 24.98%  ซึ่งเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดว่า ในปี 2553 บริษัทจดทะเบียนในเอเชียแปซิฟิกจะมีระดับกำไรต่อหุ้น (EPS) ประมาณ 26%  และมีอัตราการเติบโตของกำไร ประมาณ 21 % ส่งผลให้หุ้นเอเชียจึงมีความน่าสนใจลงทุนไม่น้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น