บลจ.ทิสโก้เชื่อจังหวะดีลงทุนหุ้นเอเชีย หลังพบตัวเลขเศรษฐกิจสุดแจ่มแนวโน้มเติบโตดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ล่าสุดเปิดขายกองทุนปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ หวังเพิ่มช่องทางให้กับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและหาผลตอบแทนในต่างประเทศ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคนี้อยู่ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปี 2553 โดยศักยภาพของเศรษฐกิจในกลุ่มเอเชียจะดูได้จากอัตราการเติบโตของ Real GDP ที่เป็นบวกทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าอัตราการเติบโตของ Real GDP ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะเติบโตในอัตราที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างมาก โดยจากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทเชื่อว่าช่วงนี้จะเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในภูมิภาคเอเชียของนักลงทุน เนื่องจากจะได้รับรับอานิสงส์หากดัชนีหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มดังกล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้ทำการเปิดขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ" (TISCO Asia Pacific ex Japan Retirement Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประเภทกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ไม่กำหนดอายุโครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนภายในงาน “SET in the City 2009” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2552 และเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ผ่านสาขาธนาคารทิสโก้ ทุกแห่งวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2552 โดยกองทุนจะเปิดซื้อขายอีกครั้งหลังไอพีโอ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 โดยนักลงทุนสามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนข้างต้น จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่มีนโยบายการเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า จุดเด่นของกองทุนนี้คือ นักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการนำเงินลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี (สำหรับบุคคลธรรมดา) สูงสุดถึง 500,000 บาท รวมถึงโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้น ญี่ปุ่น) และเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในต่างประเทศ มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขายคืน ได้ทุกวันทำการ (เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมสรรพากร) อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อลงทุน LTF & RMF ของบลจ.ทิสโก้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2552 รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีรวมกันสูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมโอกาสรับ “สร้อยคอทองคำ” และของสมนาคุณอีกมากมาย
นอกจากนี้ในปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้มีกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น อยู่แล้ว 1 กอง ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ฟันด์” ซึ่งที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดี โดยจากข้อมูลเมื่อสิ้นเดือนกันยายน กองทุนให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 20.31% เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 19.12% ซึ่งกองทุนใหม่นี้นอกจากจะถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจจะไปลงทุนในต่างประเทศแล้ว ยังให้สิทธิ์ประโยชน์แก่นักลงทุนในการนำไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย”
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคนี้อยู่ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปี 2553 โดยศักยภาพของเศรษฐกิจในกลุ่มเอเชียจะดูได้จากอัตราการเติบโตของ Real GDP ที่เป็นบวกทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าอัตราการเติบโตของ Real GDP ในกลุ่มประเทศอาเซียนจะเติบโตในอัตราที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างมาก โดยจากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทเชื่อว่าช่วงนี้จะเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนในภูมิภาคเอเชียของนักลงทุน เนื่องจากจะได้รับรับอานิสงส์หากดัชนีหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มดังกล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด บลจ.ทิสโก้ ได้ทำการเปิดขาย "กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ" (TISCO Asia Pacific ex Japan Retirement Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประเภทกองทุนรวมหน่วยลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ไม่กำหนดอายุโครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนภายในงาน “SET in the City 2009” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายน 2552 และเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ผ่านสาขาธนาคารทิสโก้ ทุกแห่งวันที่ 12-27 พฤศจิกายน 2552 โดยกองทุนจะเปิดซื้อขายอีกครั้งหลังไอพีโอ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 โดยนักลงทุนสามารถซื้อและขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนข้างต้น จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific ex Japan ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่มีนโยบายการเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific ex Japan โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า จุดเด่นของกองทุนนี้คือ นักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการนำเงินลงทุนไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปี (สำหรับบุคคลธรรมดา) สูงสุดถึง 500,000 บาท รวมถึงโอกาสทำกำไรจากการลงทุนในหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้น ญี่ปุ่น) และเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในต่างประเทศ มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อ-ขายคืน ได้ทุกวันทำการ (เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขกรมสรรพากร) อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษ เมื่อลงทุน LTF & RMF ของบลจ.ทิสโก้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2552 รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีรวมกันสูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมโอกาสรับ “สร้อยคอทองคำ” และของสมนาคุณอีกมากมาย
นอกจากนี้ในปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้มีกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น อยู่แล้ว 1 กอง ได้แก่ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ฟันด์” ซึ่งที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดี โดยจากข้อมูลเมื่อสิ้นเดือนกันยายน กองทุนให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 20.31% เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 19.12% ซึ่งกองทุนใหม่นี้นอกจากจะถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจจะไปลงทุนในต่างประเทศแล้ว ยังให้สิทธิ์ประโยชน์แก่นักลงทุนในการนำไปหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย”