บลจ.ไอเอ็นจี เตรียมปันผลกองทุนอสังหาฯเพิ่มอีกคือ กองทุนอสังหาฯไทยอินดัสเตรียล 1พร้อมด้วย กองทุนอสังหาฯทียูโดม โดยจะปันผลในอัตรา 0.135 บาท เเละ 0.07 บาทต่อ ตามลำดับ นักลงทุนเฮรับเงิน 14 ธ.ค.นี้
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ( TIF1) ประจำไตรมาสที่ 3 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552ว่า กองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.888 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่ 0.1321 บาท หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 กองทุนTIF1 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.675 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.1519 บาท
โดยบลจ.จะทำการจ่ายเงินปันผล กองทุน TIF1 ครั้งที่ 17 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.135 บาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เเละปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลค ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552นี้
นอกจากนี้ บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ครั้งที่ 6 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.07 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30พฤศจิกายน 2552 นี้ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ ทางที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุน TU-PF มีมติร่วมกันให้บริษัทจัดการขอมติจากผู้ถือหน่วยก่อนที่จะใช้ดุลพินิจตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุน เหมือนกับกรณีที่ชำระเงินล่วงหน้าค่าสิทธิการเช่าโดยไม่จดทะเบียนการเช่า
ทั้งนี้บลจ. ไอเอ็นจีได้ ชี้เเจงว่า การขอให้มีการแก้ไขโครงการในประเด็นเกี่ยวกับหากบริษัทจัดการจะใช้ดุลยพินิจตัดสินใจ ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ บริษัทจัดการขอมติจากผู้ถือหน่วยก่อน อย่างไรก็ดีบริษัทจัดการได้ชี้แจงว่า การกำหนดในลักษณะนี้อาจมีผลให้การ ทำงานไม่คล่องตัว จึงขอให้การขอมติจากผู้ถือหน่วยในกรณีที่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือกระทบต่อ ประโยชน์ที่สำคัญของผู้ถือหน่วยลงทุน ประกอบกับเมื่ออาคารแล้วเสร็จเปิดดำเนินการได้ครบถ้วนทุกอาคารแล้ว การบริหารจัดการโครงการน่าจะดำเนินไปตามปกติตามที่กำหนดไว้ในโครงการ บริษัทจัดการจึงขอเสนอประเด็นการแก้ไข โครงการต่อที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในคราวถัดไป ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดให้มีการประชุมในเดือนมกราคม 2553นี้
พร้อมกันนี้บริษัทจัดการแจ้งที่ประชุมอีกว่า การก่อสร้างอาคารจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. 2552 และสามารถเปิดใช้อาคารได้อย่างเต็มรูปแบบ และเริ่มทยอยนำออกหาประโยชน์ได้ ซึ่งที่ประชุมมีมติว่า หากโครงการไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด ขอให้มีการจัดประชุมผู้ถือหน่วย เพื่อแจ้งให้ทราบและหารือถึงวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา และขอให้บริษัทจัดการชี้แจงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการเป็นระยะๆ อีกด้วย
นายสิทธิชัย จิตรตั้งตรง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 ( TIF1) ประจำไตรมาสที่ 3 ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552ว่า กองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.888 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหน่วยลงทุนอยู่ที่ 0.1321 บาท หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2551 กองทุนTIF1 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.675 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.1519 บาท
โดยบลจ.จะทำการจ่ายเงินปันผล กองทุน TIF1 ครั้งที่ 17 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.135 บาท โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 เเละปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลค ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552นี้
นอกจากนี้ บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที ยู โดม เรสซิเดนท์เชียล คอมเพล็กซ์ (TU-PF) ครั้งที่ 6 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2552 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.07 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 14 ธันวาคม 2552 โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 30พฤศจิกายน 2552 นี้ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ ทางที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุน TU-PF มีมติร่วมกันให้บริษัทจัดการขอมติจากผู้ถือหน่วยก่อนที่จะใช้ดุลพินิจตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกองทุน เหมือนกับกรณีที่ชำระเงินล่วงหน้าค่าสิทธิการเช่าโดยไม่จดทะเบียนการเช่า
ทั้งนี้บลจ. ไอเอ็นจีได้ ชี้เเจงว่า การขอให้มีการแก้ไขโครงการในประเด็นเกี่ยวกับหากบริษัทจัดการจะใช้ดุลยพินิจตัดสินใจ ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ บริษัทจัดการขอมติจากผู้ถือหน่วยก่อน อย่างไรก็ดีบริษัทจัดการได้ชี้แจงว่า การกำหนดในลักษณะนี้อาจมีผลให้การ ทำงานไม่คล่องตัว จึงขอให้การขอมติจากผู้ถือหน่วยในกรณีที่มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือกระทบต่อ ประโยชน์ที่สำคัญของผู้ถือหน่วยลงทุน ประกอบกับเมื่ออาคารแล้วเสร็จเปิดดำเนินการได้ครบถ้วนทุกอาคารแล้ว การบริหารจัดการโครงการน่าจะดำเนินไปตามปกติตามที่กำหนดไว้ในโครงการ บริษัทจัดการจึงขอเสนอประเด็นการแก้ไข โครงการต่อที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนในคราวถัดไป ซึ่งคาดว่าน่าจะจัดให้มีการประชุมในเดือนมกราคม 2553นี้
พร้อมกันนี้บริษัทจัดการแจ้งที่ประชุมอีกว่า การก่อสร้างอาคารจะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. 2552 และสามารถเปิดใช้อาคารได้อย่างเต็มรูปแบบ และเริ่มทยอยนำออกหาประโยชน์ได้ ซึ่งที่ประชุมมีมติว่า หากโครงการไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด ขอให้มีการจัดประชุมผู้ถือหน่วย เพื่อแจ้งให้ทราบและหารือถึงวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา และขอให้บริษัทจัดการชี้แจงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการเป็นระยะๆ อีกด้วย