xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีดันเอยูเอ็มแตะ6หมื่นล้าน เดินหน้าออกกองบอนด์กิมจิต่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ยูโอบี (ไทย) ตั้งเป้าดันเอยูเอ็มปีนี้ แตะ 6 หมื่นล้านบาท หลังจากเม็ดเงินหายไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เตรียมเดินหน้าออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้เป็นหลัก กระตุ้นยอดในช่วงที่เหลือ โดยเน้นลงทุนอายุ 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี พร้อมทั้งเพิ่มความหลากหลายให้กองทุนของบริษัท

นายวนา พูลผล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท (เอยูเอ็ม) ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท โดยในปี 2551 มูลค่าสินทรัพย์หายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนในปีนี้หายไปแล้ว 9 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถผลักดันเอยูเอ็มขึ้นไปอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท โดยมาจากการขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เป็นหลัก แต่จะเพิ่มความหลากหลายโดยจะไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ หลังจากภาวะเศรษฐกิจเกาหลีใต้เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของเกาหลีใต้ที่ออกมาค่อนข้างดี แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงต่ำลงแล้ว โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อายุสั้น โดยมีอายุตั้งแต่ 6 เดือน 9 เดือน และ 1 ปี เพราะว่าลูกค้าชื่นชอบ และต้องการลงทุนในกองทุนที่มีอายุโครงการสั้น โดยกองทุนเปิดยูโอบี โคเรียน บอนด์ 6/1 (UOBKR6/1) อายุโครงการประมาณ 6 เดือนที่เปิดขายในช่วงที่ผ่านมาที่สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.20%ต่อปี

โดยปัจจุบัน พันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้จะมีการประมูลกันในระยะเวลาเดือนละครั้งเท่านั้น จึงไม่สามารถทราบได้ว่าอายุ และปริมาณของพันธบัตรดังกล่าวที่จะออกมามีเท่าไร ซึ่งมองว่าในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังต่ำไปจนถึงกลางปี 2553 ส่งผลให้ยังมีส่วนต่างจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อยู่ และความเสี่ยงในปัจจจุบันยังอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมีการตรวจสอบพันธบัตรรัฐบาลของประเทศอื่นประกอบกันไปด้วย หากมีผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจ และความเสี่ยงที่เหมาะสม

นายวนา กล่าวว่า ส่วนการลงทุนในพันธบัตรของประเทศจีนคงไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งจีนไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุนเงินจากประเทศอื่น เพราะว่าจีนมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่มีทุนสำรองระหว่างประเทศมาก และยังไม่ต้องการใช้เม็ดเงินลงทุนจึงให้อัตราดอกเบี้ยไม่สูง ทำให้บริษัทสนใจออกกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนมากกว่า แต่ที่ผ่านมาบริษัทก็เคยออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในจีนแล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการคลายกฏเกณฑ์นโยบายในการลงทุนให้สามารถลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต เรตติ้ง) ที่ต่ำลงเพื่อให้กองทุนรวมของบริษัทมาลงทุนในหุ้นกู้เอกชนได้ จากเดิมที่ไม่สามารถลงทุนในหุ้นกู้เอกชนได้เลย ยเกเว้นกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวท ฟันด์) เท่านั้นที่สามารถลงทุนในหุ้นกู้ได้ โดยเบื้องต้นจะสามารถลงทุนในหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพดีก่อน ซึ่งในปัจจุบันนักลงทุนเริ่มยอมรับการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนหุ้นกู้เอกชนที่มีคุณภาพดี

ขณะเดียวกัน บริษัทให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้เอกชนอายุประมาณ 3 – 5 ปี และน่าจะมีโอกาสออกกองทุนดังกล่าวได้ภายในปีนี้ โดยจะออกกองทุนหุ้นกู้เอกชนมาในรูปของกองทุนแบบปิด เพราะว่าไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง และมีความเสี่ยงเพียงผู้ออกตราสารไม่มีเงินจ่ายเท่านั้น ขณะที่กองทุนแบบเปิดจะมีปัญหาสภาพคล่อง และควบคุมการลงทุนลำบาก หากมีการขายหน่วยลงทุนออกมาพร้อมกัน อาจจะเกิดเหตุการณ์ดังที่ บลจ.แห่งหนึ่งเคยประสบมาแล้ว ทั้งนี้ ปริมาณหุ้นกู้เอกชนไม่ค่อยมีขายในตลาดแรก และตลาดรอง ไม่เหมือนกับพันธบัตรรัฐบาลที่มีขายอย่างเหลือเฟือ แต่ข้อดีคือผลตอบแทนดีกว่านั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น