บลจ.บัวหลวง เพิ่มทุนกองแอลทีเอฟ "บัวหลวงหุ้นระยะยาว" อีก 5,000 ล้านบาทบาท หลังดีมานด์ลูกค้าหนาแน่น พร้อมยกเลิกแก้ไขเกณฑ์เพิ่มทุน 2 กองทุนแอลทีเอฟ "บัวหลวงหุ้นระยะยาว -บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25" แบบไม่มีกำหนดจำนวนเงินลงทุน
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว หรือ B-LTF ได้ทำการเพิ่มทุนอีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้รับการอนุมัติเรียบร้อยจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สาเหตุของการเพิ่มทุนของกองทุนดังกล่าว เนื่องจากว่ามีกลุ่มนักลงทุนต่างให้ความสนใจเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทต้องทำการเพิ่มทุนเพื่อรองรับกลุ่มนักลทุนที่จะเข้ามในช่วงสิ้นปีนี้
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวี ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา มีอยู่ทั้งสิ้น 4,903.12 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนทั้งสิ้น 12.39 บาทต่อหน่วย ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 25 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 12.16% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการ หรือ AIMC อยู่ที่ 21.11% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 36.65% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 63.69% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 10.87% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 16.58% และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 29.38% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 15.31%
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน กองทุนได้แบ่งการลงทุนออกเป็นกลุ่มพลังงาน 36.55% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 25.04% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 5.77% กลุ่มสื่อสาร 8.85% และกลุ่มอื่น ๆ อีก 17.23% ส่วนในตราสารหนี้และเงินฝากกองทุนได้เข้าไปลงทุน 3.95% และอื่นๆ อีก 2.61% รวมการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งสิ้น 100% นอกจากนี้แล้ว 5 อันดับแรกที่กองทุนได้เข้าไปลงทุนนั้นประกอบด้วย 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 13.61% 2. ธนาคารกรุงเทพ 10.84% 3. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 10.34% 4. บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 8.75% และ 5. บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 7.62%
นายวศินยังกล่าวต่อไปอีกว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว B-LTF หรือ และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 หรือ BLTF75 ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้แก้ไขเพิ่มเติมโครงการของทั้ง 2 กองทุนโดยแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกเกณฑ์การเพิ่มทุนครั้งละ 5,000 ล้านบาท โดยให้สามารถเพิ่มทุนในแต่ละครั้งได้ไม่จำกัดจำนวนเงินทุน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม และจะช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมในการยื่นเพิ่มทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต., ค่าลงประกาศหนังสือพิมพ์ และค่าทำหนังสือแจ้งผู้ถือหน่วยฯ ในการเพิ่มทุนครั้งต่อไปด้วย ทั้งนี้บริษัทจัดการอาจจะดำเนินการเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนโดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว จากภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมาเป็นต้นไป
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว หรือ B-LTF ได้ทำการเพิ่มทุนอีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้รับการอนุมัติเรียบร้อยจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สาเหตุของการเพิ่มทุนของกองทุนดังกล่าว เนื่องจากว่ามีกลุ่มนักลงทุนต่างให้ความสนใจเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทต้องทำการเพิ่มทุนเพื่อรองรับกลุ่มนักลทุนที่จะเข้ามในช่วงสิ้นปีนี้
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวี ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา มีอยู่ทั้งสิ้น 4,903.12 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนทั้งสิ้น 12.39 บาทต่อหน่วย ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 25 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 12.16% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการ หรือ AIMC อยู่ที่ 21.11% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 36.65% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 63.69% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 10.87% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 16.58% และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 29.38% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 15.31%
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน กองทุนได้แบ่งการลงทุนออกเป็นกลุ่มพลังงาน 36.55% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 25.04% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 5.77% กลุ่มสื่อสาร 8.85% และกลุ่มอื่น ๆ อีก 17.23% ส่วนในตราสารหนี้และเงินฝากกองทุนได้เข้าไปลงทุน 3.95% และอื่นๆ อีก 2.61% รวมการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งสิ้น 100% นอกจากนี้แล้ว 5 อันดับแรกที่กองทุนได้เข้าไปลงทุนนั้นประกอบด้วย 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 13.61% 2. ธนาคารกรุงเทพ 10.84% 3. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 10.34% 4. บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 8.75% และ 5. บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 7.62%
นายวศินยังกล่าวต่อไปอีกว่า กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว B-LTF หรือ และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 หรือ BLTF75 ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ให้แก้ไขเพิ่มเติมโครงการของทั้ง 2 กองทุนโดยแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกเกณฑ์การเพิ่มทุนครั้งละ 5,000 ล้านบาท โดยให้สามารถเพิ่มทุนในแต่ละครั้งได้ไม่จำกัดจำนวนเงินทุน ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม และจะช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมในการยื่นเพิ่มทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต., ค่าลงประกาศหนังสือพิมพ์ และค่าทำหนังสือแจ้งผู้ถือหน่วยฯ ในการเพิ่มทุนครั้งต่อไปด้วย ทั้งนี้บริษัทจัดการอาจจะดำเนินการเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนโดยถือว่าได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนแล้ว จากภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมาเป็นต้นไป
