ซีพี ออลล์ คาดยอดขายไตรมาส 2 ปีนี้สวยกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่ 3.08 หมื่นล้าน ผลจากช่วงไตรมาสดังกล่าวมีวันหยุดค่อนข้างมากและการออกสินค้าใหม่ป้อนตลาดต่อเนื่อง จ่อผุดสาขาเพิ่มอีก 400-500 แห่งขยายฐานลูกค้า ส่วนปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 15%
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์ว่าในไตรมาส 2 ปี 52 ยอดขายน่าจะเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 3.08 หมื่นล้านบาท อันเป็นผลมาจากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมามีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับทาง CPALL มีการออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
“ปกติแล้วช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนจะเป็นช่วง SEฤSON ของธุรกิจ เพราะมีวันหยุดเทศกาลหลายวัน รวมทั้งการที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเติมอีกหลังเกิดปัญหาการเมือง ตลอดจนเราเองหันมาเน้นขายสินค้าประเภทอาหารและผลิตสินค้าใหม่นำเสนอต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จึงน่าทำให้ยอดขายของไตรมาสสองปีนี้ออกมาสวยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว” นายเกรียงชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 52 บริษัทมีแผนเตรียมขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอีก 400-500 สาขา ภายในสิ้นปี จากปีก่อนที่มีสาขาอยู่ทั้งหมดจำนวน 4,778 สาขา เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยเม็ดเงินนั้นมาจากงบลงทุนทั้งปีที่ตั้งไว้ 3.5-4 พันล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนทั้งหมดมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ทั้งนี้หากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ บริษัทฯ เชื่อว่าน่าจะทำให้รายได้ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% จากปี 51 ที่มีรายได้ 9.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนทิศทางยอดขายในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ บริษัทมองว่าน่าจะเป็นไปตามคาดหมาย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของสาขาเดิมปีนี้ (ไม่รวมบัตรเติมเงินโทรศัพท์) มั่นใจว่าจะขยายตัวจากปี 51 ประมาร 3-5% หลังจากการสำรวจช่วงของบริษัทไตรมาสแรกปีนี้พบว่ายอดขายสาขายมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มจำนวน 3 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จากปัจจุบันที่มีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ทั้งหมด 3 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 2 แห่ง และขอนแก่นอีก 1 แห่ง แต่เป็นการเช่าพื้นที่ ซึ่งจะเป็นในลักษณะการเช่าพื้นที่ โดยตั้งงบลงทุนส่วนนี้ไว้ประมาณ 1.2 พันล้าน โดยแหล่งเงินทุนมากจากเม็ดเงินของบริษัท
สำหรับผลประกอบการสิ้นไตรมาส 1 ปี 52 พบว่ามีกำไรสุทธิ 1.25 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.09 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.16 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 14.68% โดยเป็นรายได้จากการขายสินค้าและบริการของบริษัท
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์ว่าในไตรมาส 2 ปี 52 ยอดขายน่าจะเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ 3.08 หมื่นล้านบาท อันเป็นผลมาจากช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมามีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ประกอบกับทาง CPALL มีการออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
“ปกติแล้วช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนจะเป็นช่วง SEฤSON ของธุรกิจ เพราะมีวันหยุดเทศกาลหลายวัน รวมทั้งการที่รัฐบาลประกาศวันหยุดเพิ่มเติมอีกหลังเกิดปัญหาการเมือง ตลอดจนเราเองหันมาเน้นขายสินค้าประเภทอาหารและผลิตสินค้าใหม่นำเสนอต่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง จึงน่าทำให้ยอดขายของไตรมาสสองปีนี้ออกมาสวยกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว” นายเกรียงชัยกล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 52 บริษัทมีแผนเตรียมขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอีก 400-500 สาขา ภายในสิ้นปี จากปีก่อนที่มีสาขาอยู่ทั้งหมดจำนวน 4,778 สาขา เพื่อขยายฐานลูกค้า โดยเม็ดเงินนั้นมาจากงบลงทุนทั้งปีที่ตั้งไว้ 3.5-4 พันล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนทั้งหมดมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ทั้งนี้หากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ บริษัทฯ เชื่อว่าน่าจะทำให้รายได้ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% จากปี 51 ที่มีรายได้ 9.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนทิศทางยอดขายในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ บริษัทมองว่าน่าจะเป็นไปตามคาดหมาย แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของสาขาเดิมปีนี้ (ไม่รวมบัตรเติมเงินโทรศัพท์) มั่นใจว่าจะขยายตัวจากปี 51 ประมาร 3-5% หลังจากการสำรวจช่วงของบริษัทไตรมาสแรกปีนี้พบว่ายอดขายสาขายมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ยังมีแนวคิดขยายศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มจำนวน 3 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จากปัจจุบันที่มีศูนย์กระจายสินค้าอยู่ทั้งหมด 3 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 2 แห่ง และขอนแก่นอีก 1 แห่ง แต่เป็นการเช่าพื้นที่ ซึ่งจะเป็นในลักษณะการเช่าพื้นที่ โดยตั้งงบลงทุนส่วนนี้ไว้ประมาณ 1.2 พันล้าน โดยแหล่งเงินทุนมากจากเม็ดเงินของบริษัท
สำหรับผลประกอบการสิ้นไตรมาส 1 ปี 52 พบว่ามีกำไรสุทธิ 1.25 พันล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.09 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.16 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 14.68% โดยเป็นรายได้จากการขายสินค้าและบริการของบริษัท
