บลจ. บัวหลวง เพิ่มทุนกองแอลทีเอฟ "บัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25" อีก 5,000 ล้านบาทบาท หลังนักลงทุนตอบรับเพียบ
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 75/25 หรือ ได้ทำการเพิ่มทุนอีก 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ 5,000 ล้านบาท
รวมทั้งสิ้นเป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวได้รับการอนุมัติเรียบร้อยจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ หรือเอ็นเอวี ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา มีอยู่ทั้งสิ้น 4,710.75 ล้านบาท และมีมูลค่าหน่วยลงทุนทั้งสิ้น 11.36 บาทต่อหน่วย ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง ณ วันที่ 27 พฤศจิการยน 2552 ที่ผ่านมา ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.10% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของสมาคมบริษัทจัดการ หรือ AIMC อยู่ที่ 3.56% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 14.34% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 21.41% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 38.44% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC 69.31% และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 7.75% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานAIMC -6.07%
ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 กองทุนได้แบ่งการลงทุนออกเป็นกลุ่มพลังงาน28.02% กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 16.48% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ 5.97% กลุ่มวัสุดก่อสร้าง 0.59% กลุ่มสื่อสาร 6.54% และกลุ่มอื่น ๆ อีก 13.93% ส่วนในตราสารหนี้และเงินฝากกองทุนได้เข้าไปลงทุน21.80% และอื่นๆ อีก 6.671% รวมการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ทั้งสิ้น 100%
นอกจากนี้แล้ว 5 อันดับแรกที่กองทุนได้เข้าไปลงทุนนั้นประกอบด้วย 1. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 9.37% 2.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 9.02% 3.ธนาคารกรุงเทพ 8.96% 4. บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) 6.76% และ 5. บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) 5.63%
นายวศิน กล่าวต่อว่า สาเหตุของการเพิ่มทุนของกองทุนดังกล่าว เนื่องจากว่ามีกลุ่มนักลงทุนต่างให้ความสนใจเข้ามาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทต้องทำการเพิ่มทุนเพื่อรองรับกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามา
สำหรับกองทุนดังกล่าวได้เข้าจดทะเบียนไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2550 ด้วยมูลค่าทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท มูลค่าหน่วยลงทุนที่ตราไว้ 10 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนจะลงทุนระยะยาวในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรงมีศักยภาพสูงในการให้ผลตอบแทนจากการลงทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% และไม่เกิน 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ หรืเงินฝากหรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดให้ลงทุนได้ ทั้งนี้กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง