xs
xsm
sm
md
lg

เชียร์เก็บหุ้นเข้าพอร์ตที่ดัชนี 700 จุดต้นๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาวะตลาดหุ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 19- 22 ต.ค.) พบว่าดัชนีได้มีการรีบาวด์กลับขึ้นมายืนเหนือ 700 จุดหลังจากที่ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่า 700 จุดเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยเปิดตลาดมาวันแรกของสัปดาห์ ( 19 ต.ค.)ดัชนีปิดที่ระดับ 731.61 จุด เปลี่ยนแปลง+2.02 % ซึ่งเป็นวันที่คลาดหุ้นพุ่งสูงสุดในรอบสัปดาห์ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันสุดท้ายของสัปดาห์ (22 ต.ค.) ดัชนีได้ปิดตัวลดลงมาที่ระดับ 708.76 จุด เปลี่ยนแปลง -1.06% และมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 19,072.40 ล้านบาท
 สำหรับสัปดาห์นี้ดัชนีจะมีแนวโน้มและทิศทางเป็นอย่างไร ผู้จัดการกองทุนผู้มากความสามารถ มีข้อมูลดีๆมาให้นักลงทุนเพื่อเป็นไว้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกลงทุนกัน.....
 ธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เล่าว่า  หลังจากที่ดัชนีปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 700 จุด เราก็ได้มองว่าตลาดได้เข้าสู่ภาวะหมีโดยดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมานั้น เนื่องจากนักลงทุนได้มีความหวังในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนจะต้องกลับมาพิจารณาว่าภาพรวมเศรษฐกิจหรือตัวเลขต่างๆที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นการปรับตัวดีขึ้นที่แท้จริงหรือไม่
 ทั้งนี้ การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ได้ส่งผลให้นักลงทุนมีการโยกเงินมาลงทุนในสินทรัพย์อื่นหรือสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูงเช่น ทองคำ และตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน
 อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีหุ้นในบ้านเราได้ปรับตัวไปยืนอยู่เหนือ 750 จุด ทำให้บริษัทมีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยการลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นให้ลดน้อยลงบ้างเพียงเล็กน้อย  โดยเรามองว่าเศรษฐกิจโดยรวมนั้น เริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้นมาและได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว จึงคาดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จะไม่เป็นไปในรูปแบบของตัว V ตามที่นักวิเคราะห์ได้มีการคาดการณ์กันเอาไว้ ขณะที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นในบ้านเรานั้นเป็นไปในรูปแบบของตัว V 
  ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนความดูความเสี่ยงจากการลงทุนโดยนำเอาปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด  ว่าปัญหาดังกล่าวจะส่งกระทบในส่วนใหนบ้าง และรุนเเรงมากน้อยแค่ไหนโดยสิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อแนวโน้มตลาดหุ้นด้วย" ธีรพันธ์บอก
"ธีรพันธ์" บอกอีกว่า หากนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้น ช่วงดัชนีปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณปลายๆ 600 จุดจนถึง 700 ต้นๆก็ถือเป็นราคาที่นักลงทุนสามารถที่จะเข้ามาลงทุน แต่ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องมองถึงปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย สินค้าโภคภัณฑ์(คอมมอดิตี้) อัตราเงินเฟ้อ ว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ มีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจด้วย
ด้าน ชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน บอกว่า ตลาดหุ้นในช่วงนี้ได้ปรับตัวลดลงจากปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นมา ขณะเดียวกัน เมื่อมองถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานั้น พบว่ามีทั้งที่ออกมาดีและไม่ดีรวมกัน
"ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงอยู่ในขณะนี้ ส่วนหนึ่งนั้นมากจากการที่ทั่วทั้งภูมิภาคได้มีนักลงทุนเทขายออกมา จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นตกตามประเทศอื่น อีกทั้งในตลาดประเทศไทยเองก็ได้มีนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกบ้าง จึงส่งผลให้ดัชนีบ้านเราตกตามทั่วทั้งภูมิภาค แต่ทั้งนี้ เมื่อมองถึงภาพรวมเศรษฐกิจแล้วทวีปเอเชียซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น ยังถือเป็นทวีปที่น่าสนใจลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติอยู่ในขณะนี้"
"ชัยเกษม" บอกอีกว่าตลาดหุ้นในประเทศช่วงนี้ มีความผันผวนค่อนข้างมาก จึงอยากแนะนำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุนให้ถูกลง ดังนั้น เมื่อตลาดหุ้นมีผัวนผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงแรงก็จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการต้นทุนของนักลงทุน อีกทั้งเมื่อเฉลี่ยต้นทุนเวลาหุ้นขึ้นจะทำให้เราได้รับผลตอบแทนที่ดี
"การเลือกลงทุนว่าหุ้นตัวไหนดีไม่ดีนั้น เราว่านักลงทุนที่เล่นหุ้นอยู่คงจะรู้กันอยู่แล้ว แต่เราอยากแนะนำถึงการเข้าซื้อหรือช่วงเวลาในการเข้าซื้อมากกว่า อย่างเช่นช่วงปลายปีนักลงทุนก็จะให้ความสนใจการลงทุนในกองทุนประเภทกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ)และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ) เนื่องจากว่านักลงทุนจะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษีประจำปีด้วย จึงอยากแนะนำนักลงทุนที่ไม่ได้ซื้อเริ่มซื้อตั้งแต่ต้นปี ให้เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนได้แล้ว เพราะเหลือระยะเวลาอีกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้นก็จะสิ้นปี หากนักลงทุนท่านใดที่คิดจะเข้าซื้อช่วงปลายปี หรือนำเงินเข้าลงทุนเพียงก้อนเดียวจะทำให้ต้นทุนที่ใช้ลงทุนนั้นสูง แต่หากนักลงทุนเริ่มทยอยเข้าซื้อในช่วงที่ตลาดหุ้นตกหรือปรับตัวลดลงจะทำให้นักลงทุนได้ถัวเฉลี่ยต้นทุนที่ถูกกว่าซื้อครั้งเดียวตอนสิ้นปี อีกทั้ง ขณะนี้ หลายๆบลจ.ก็มีบริการการวางแผนการลงทุนรายเดือนให้นักลงทุนสมัครใช้ได้ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น และเป็นการเฉลี่ยต้นทุนการซื้อของลูกค้าด้วย " ชัยเกษม บอก
กำลังโหลดความคิดเห็น