xs
xsm
sm
md
lg

2บลจ.เดินหน้าขายกองพันธบัตรโสม คาดศก.ฟื้นดันดอกเบี้ยเกาหลีปรับอีก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บอนด์เกาหลีแรงไม่ตก 2 บลจ.เดินหน้าขายเพิ่ม นครหลวงไทยเปิดขาย 2 กองทุน เสนอายุโครงการ 7 เดือนและ 3 เดือน ชูผลตอบแทนที่ 2.20%ต่อปี และ 1.75%ต่อปี เปิดไอพีโอถึง 27 ตุลาคมนี้ ด้านAYF เปิดกองอายุ 9 เดือน ชูผลตอบแทน 2.3%ต่อปี ระหว่างวันนี้ถึง 26 ตุลาคมนี้ ผู้จัดการกองทุนระบุแนวโน้มดอกเบี้ยโสมอาจปรับขึ้นอีก หลังสัญญาณเศรษฐกิจเกาหลีดีขึ้น สวนทางดอกเบี้ยดอกเบี้ยไทยที่ยังอยู่ในระดับต่ำถึงช่วงครึ่งปีหน้า

นายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร
นายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนต่อเนื่องอีก 2 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท โดยลงทุนในพันธบัตร หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้แก่ 1.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 7 เดือน1/09 : NKT FFI7M1/09 ที่มีอายุประมาณ 7 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.50%) และ2.กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน2/09 อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ด้วยอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.75% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.50%) โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันนี้ - 27 ตุลาคม 2552 และมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท

ส่วนนโยบายการลงทุนกองทุน NKT FFI7M1/09 และ NKT FFI3M2/09 ลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและหรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating โดยลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ทั้ง 2 กองทุนยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำและมีการทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากไทยและบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษีจากผลตอบแทนที่ได้รับ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเปิดขาย กองทุนเปิดกรุงศรีพันธบัตรเกาหลี 9M5 มูลค่า 500 ล้านบาท อายุโครงการ 9 เดือน ระหว่างวันนี้ถึง 26 ตุลาคม 2552 โดยกองทุนจะลงทุนในต่างประเทศอย่างน้อยร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ MSB หรือ Monetary Stabilization Bond และลงทุนใน KTB หมายถึง พันธบัตร Korea Treasury Bond ซึ่งเป็นตราสารภาครัฐของเกาหลีใต้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร F-1 จาก Fitch Rating ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินเต็มจำนวน และคาดว่ากองทุนจะให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าอัตราร้อยละ 2.30%ต่อปี

นายไตรพิชิต กล่าวอีกว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจประเทศเกาหลีใต้มีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด โดยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินวอนประเทศเกาหลีใต้ แข็งค่าขึ้นสูงที่สุดรองจากประเทศอินโดนีเซีย นับตั้งแต่ต้นปีค่าเงินแข็งค่าขึ้นที่ประมาณ 7.69% เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ประเทศเกาหลีใต้ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรเกาหลีใต้อายุประมาณ 1 ปี มีการปรับเพิ่มขึ้น จากเดือน มิ.ย.ที่ 3.26% ถึงกลางเดือน ต.ค.52 ที่ 3.96% สาเหตุเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจประเทศเกาหลีใต้และเศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว

ประกอบกับการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าธนาคารชาติเกาหลีใต้จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องที่ 2% นับตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2552 โดยล่าสุด ผู้ว่าการธนาคารชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่าการจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต อาจมีการปรับตัวที่รวดเร็ว เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างรวดเร็วหลังเกิดวิกฤติการณ์เมื่อปลายปี 2551 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจว่ามีการฟื้นตัวรวดเร็วเพียงใด นอกจากนั้น ยังพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับภาวะตลาดตราสารหนี้ในประเทศ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือสั้นมีแนวโน้มทรงตัว เนื่องจากนักลงทุน ใช้เป็นที่พักเงินและนักลงทุนคาดการณ์ว่าในระยะสั้น ธปท.จะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามนโยบายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดตราสารหนี้เริ่มมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นว่ารัฐบาลกลางประเทศต่างๆ อาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้เดิมทำให้แรงขายพันธบัตรออกมาทำให้ราคาของพันธบัตรปรับตัวลดลง

นายไตรพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ทำการปรับปรุงเว็บไซด์ โดยการเพิ่มระบบบริการซื้อ-ขาย-สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ซึ่งสามารถตั้งทำรายการได้ล่วงหน้า หรือดู Port การลงทุนได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งบริการซื้อหน่วยลงทุน สามารถหักบัญชีผ่านบัญชีธนาคารได้ถึง 5 ธนาคารใหญ่อัตโนมัติ ได้แก่ ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริการขายคืนหน่วยลงทุนระบบจะทำการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่ให้ไว้อัตโนมัติ ในส่วนของการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจะต้องกระทำตามกำหนดเงื่อนไขของกองทุนตามหนังสือชี้ชวนที่บริษัทฯ กำหนด

ดังนั้น นักลงทุนสามารถทำธุรกิรรมต่าง ๆ ผ่านเว็บไซด์ http:www.sci-asset.com คลิกที่ Smart Click บริการ 24 ชั่วโมงซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักลงทุน โดยจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น