บลจ. พร้อมลุยงาน "Set in the City2009" ครั้งที่ 6 เข็นโปรดักส์เอาใจนักลงทุนเพียบ ทั้งกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ น้ำมัน และ เอฟไอเอฟ คาด "แอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ) โกยเงินมนุษย์เงินเดือนช่วงปลายปี
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า งานมหกรรมการลงทุนครบวงจร Set in the City2009 ที่จะจัดขึ้น ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ในระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนมากขึ้น แต่ทั้งนี้เราคงไม่สามารถที่จะวัดเป็นปริมาณในรูปแบบของเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนได้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาเท่าใด อีกทั้ง การจัดงานในครั้งนี้ คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับการลงทุนในกองทุนรวมระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ)โดยกองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟจะได้รับความสนใจและเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในเดือนสุดท้ายของปี คือเดือนธันวาคมอยู่แล้ว ซึ่งจะได้รับสิทธิทางด้านภาษีจากการลงทุนด้วย
โดยในงานดังกล่าว นักลงทุนจะได้พบกับบลจ.ถึง 17แห่ง ที่มีการรวมตัวเพื่อให้นักลงทุนได้รู้จักและร่วมลงทุน โดยการให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของภาษีรวมไปถึงการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ น้ำมัน ทองคำ หรือการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ซึ่งทางบลจ.ต่างมีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเหล่านี้ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนด้วย ทำให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนอย่างหลากหลายขึ้น อีกทั้งบลจ.เหล่านี้ยังมีการนำเอาผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอแก่นักลงทุนในงานนี้โดยเฉพาะด้วยพร้อมโปรโมชั่นต่างๆมากมาย
นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดให้มีการตอบคำถามในเรื่องของภาษี จากกองทุนและสัมพากร ที่จะเข้ามาร่วมตอบคำถาม อีกทั้ง มีการให้ความรู้แก่นักลงทุนเรื่อง 1,000 บาทก็สามารถลงทุนได้ โดยการเข้ามาลงทุนในกองทุนรวม ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเงินเป็นจำนวนมากถึงเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมได้ รวมไปถึงการให้บริการ "เช็คปุ๊บรู้ปั๊บ" ในเรื่องของผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนว่าเป็นอย่างไร อีกทั้ง นักลงทุนสามารถที่จะรู้ถึงผลประกอบการณ์ที่ผ่านมาของตนเองว่าเป็นอย่างไร โดยการ คีย์ข้อมูลบัญชีของตนเองเข้าไปจากนั้นจะปรากฎผลประกอบของตนเองขึ้นมาให้นักลงทุนทราบ
นางวรวรรณกล่าวว่า สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนรวมพบว่า ณ สิ้นปี 2551 โตขึ้น 17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขณะที่ปี 2540 หรือช่วงต้มยำกุ้งอยู่ที่ 2%กว่า จึงถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ สัดส่วนของการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 22% ทั้งนี้ การเติบโตของกองทุนรวมดังกล่าว เนื่องมากจากการตอบรับของนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนรวมนั้นมากจากลูกค้าของเงินฝาก ส่งผลให้ขณะนี้จำนวนบัญชีกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบัญชี
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า งานมหกรรมการลงทุนครบวงจร Set in the City2009 ที่จะจัดขึ้น ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ในระหว่างวันที่ 12-15 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนมากขึ้น แต่ทั้งนี้เราคงไม่สามารถที่จะวัดเป็นปริมาณในรูปแบบของเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนได้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาเท่าใด อีกทั้ง การจัดงานในครั้งนี้ คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจกับการลงทุนในกองทุนรวมระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(อาร์เอ็มเอฟ)โดยกองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟจะได้รับความสนใจและเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในเดือนสุดท้ายของปี คือเดือนธันวาคมอยู่แล้ว ซึ่งจะได้รับสิทธิทางด้านภาษีจากการลงทุนด้วย
โดยในงานดังกล่าว นักลงทุนจะได้พบกับบลจ.ถึง 17แห่ง ที่มีการรวมตัวเพื่อให้นักลงทุนได้รู้จักและร่วมลงทุน โดยการให้คำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของภาษีรวมไปถึงการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ น้ำมัน ทองคำ หรือการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ซึ่งทางบลจ.ต่างมีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเหล่านี้ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนด้วย ทำให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนอย่างหลากหลายขึ้น อีกทั้งบลจ.เหล่านี้ยังมีการนำเอาผลิตภัณฑ์ใหม่มานำเสนอแก่นักลงทุนในงานนี้โดยเฉพาะด้วยพร้อมโปรโมชั่นต่างๆมากมาย
นอกจากนี้ ภายในงานได้จัดให้มีการตอบคำถามในเรื่องของภาษี จากกองทุนและสัมพากร ที่จะเข้ามาร่วมตอบคำถาม อีกทั้ง มีการให้ความรู้แก่นักลงทุนเรื่อง 1,000 บาทก็สามารถลงทุนได้ โดยการเข้ามาลงทุนในกองทุนรวม ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเงินเป็นจำนวนมากถึงเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมได้ รวมไปถึงการให้บริการ "เช็คปุ๊บรู้ปั๊บ" ในเรื่องของผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนว่าเป็นอย่างไร อีกทั้ง นักลงทุนสามารถที่จะรู้ถึงผลประกอบการณ์ที่ผ่านมาของตนเองว่าเป็นอย่างไร โดยการ คีย์ข้อมูลบัญชีของตนเองเข้าไปจากนั้นจะปรากฎผลประกอบของตนเองขึ้นมาให้นักลงทุนทราบ
นางวรวรรณกล่าวว่า สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมกองทุนรวมพบว่า ณ สิ้นปี 2551 โตขึ้น 17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ขณะที่ปี 2540 หรือช่วงต้มยำกุ้งอยู่ที่ 2%กว่า จึงถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ดีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ สัดส่วนของการลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 22% ทั้งนี้ การเติบโตของกองทุนรวมดังกล่าว เนื่องมากจากการตอบรับของนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ของกองทุนรวมนั้นมากจากลูกค้าของเงินฝาก ส่งผลให้ขณะนี้จำนวนบัญชีกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบัญชี