บลจ.ยูโอบี (ไทย) หวังช่วยกระตุ้นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิขึ้นไปที่ระดับเดิม ประเดิมส่งกองบอนด์กิมจิ- “ยูโอบี ซูเปอร์ สไตรค์"เพิ่มเดือนหน้า หลังสุดปลื้มกองที่2” เข้าเป้า 10%และเตรียมจ่ายผลตอบแทน ชูจุดเด่นใช้ฟิวเจอร์ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบิรหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 จะเริ่มเปิดเสนอขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ อายุโครงการประมาณ 1 ปี จำนวน 1 กองทุน เพื่อให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ในระดับเดิม โดยจะเป็นการออกมาชิมลางตลาด หากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าก็มีแนวโน้มออกมาอีก ซึ่งอาจจะออกกองทุนอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรืออาจจะมากกว่าน้อยกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยุ่กับลูกค้าเป็นสำคัญ
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 2 (UOBSS2) ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นภายในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% ได้สร้างผลตอบแทนถึงเป้าหมายแล้ว เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา และจะทำการคืนเงินให้แก่ลูกค้าในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3) แต่ยังอยู่ในระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ส่วนกองทุนดังกล่าวจะมีลูกเล่นพิเศษที่แตกต่างจากกองทุนในซีรีส์เดียวกัน คือจะมีการใช้อนุพันธ์ (ฟิวเจอร์) มาช่วยในการบริหารกองทุน เพื่อให้สามารถบริหารกองทุนได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วเมื่อกองทุนมีพอร์ตหุ้น 100% เมื่อราคาในตลาดปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก บางครั้งอาจะจำเป้นต้องขายหุ้นออกไปทั้งหมด และอาจจะขายไม่ทันก็ได้ โดยจะนำอนุพันธ์มาช่วยในการจับจังหวะลงทุน และบริหารเท่ากับจำนวนหุ้นที่มีในพอร์ต แต่บริษัทจะเน้นใช้อนุพันธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน และไม่ได้เน้นสร้างกำไรจากอนุพันธ์แต่อย่างใด
นายวนา กล่าวว่า คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะไม่มีการประชาสัมพันธ์เป็นพิเศษ แต่คาดว่าคงมีลูกค้าเดิมเข้ามาลงทุนต่อ ขณะที่ลูกค้าใหม่คงเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม เพราะว่าสองกองทุนที่ผ่านมาในซีรีส์เดียวกันสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายประมาณ 2 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนประมาณเดือนตุลาคมนี้ไม่ถือเป็นการจัดตั้งกองทุนล่าช้าไป แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากแล้วก็ตาม เพราะว่าภายหลังจากการระดมเงินลงทุนได้แล้ว กองทุนไม่จำเป็นตั้งต้องเข้าไปซื้อหุ้นในทันที โดยเป็นการเตรียมเงินสดรอเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าซื้อหุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนงานที่จะจัดตั้งกองทุนแบบมีเป้าหมาย (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน แต่จะเปิดขายภายหลังกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3
นอกจากนี้ บริษัทยังไม่ได้มีการประเมินผลการต่อสัญญากับพรีเซ็นเตอร์คนแรกของกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) ซึ่งได้แก่ “พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์" ออกไปหรือไม่ โดยจะมีการประเมินในช่วงปลายปี เพราะว่าในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงไม่ได้เน้นการประชาสัมพันธ์ ขณะที่ราคาทองคำในปัจจุบันมองว่ายังทรงตัว และน่าจะอยู่ในระดับ 800 – 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบิรหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 55,000 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2552 จะเริ่มเปิดเสนอขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ อายุโครงการประมาณ 1 ปี จำนวน 1 กองทุน เพื่อให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิอยู่ในระดับเดิม โดยจะเป็นการออกมาชิมลางตลาด หากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าก็มีแนวโน้มออกมาอีก ซึ่งอาจจะออกกองทุนอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรืออาจจะมากกว่าน้อยกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยุ่กับลูกค้าเป็นสำคัญ
สำหรับกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 2 (UOBSS2) ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นภายในประเทศ และตั้งเป้าหมายผลตอบแทนไว้ที่ 10% ได้สร้างผลตอบแทนถึงเป้าหมายแล้ว เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา และจะทำการคืนเงินให้แก่ลูกค้าในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 (UOBSS3) แต่ยังอยู่ในระหว่างการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
ส่วนกองทุนดังกล่าวจะมีลูกเล่นพิเศษที่แตกต่างจากกองทุนในซีรีส์เดียวกัน คือจะมีการใช้อนุพันธ์ (ฟิวเจอร์) มาช่วยในการบริหารกองทุน เพื่อให้สามารถบริหารกองทุนได้ง่ายขึ้น โดยปกติแล้วเมื่อกองทุนมีพอร์ตหุ้น 100% เมื่อราคาในตลาดปรับตัวลงไปค่อนข้างมาก บางครั้งอาจะจำเป้นต้องขายหุ้นออกไปทั้งหมด และอาจจะขายไม่ทันก็ได้ โดยจะนำอนุพันธ์มาช่วยในการจับจังหวะลงทุน และบริหารเท่ากับจำนวนหุ้นที่มีในพอร์ต แต่บริษัทจะเน้นใช้อนุพันธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุน และไม่ได้เน้นสร้างกำไรจากอนุพันธ์แต่อย่างใด
นายวนา กล่าวว่า คาดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3 ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะไม่มีการประชาสัมพันธ์เป็นพิเศษ แต่คาดว่าคงมีลูกค้าเดิมเข้ามาลงทุนต่อ ขณะที่ลูกค้าใหม่คงเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม เพราะว่าสองกองทุนที่ผ่านมาในซีรีส์เดียวกันสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายประมาณ 2 เดือนเท่านั้น
ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุนประมาณเดือนตุลาคมนี้ไม่ถือเป็นการจัดตั้งกองทุนล่าช้าไป แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากแล้วก็ตาม เพราะว่าภายหลังจากการระดมเงินลงทุนได้แล้ว กองทุนไม่จำเป็นตั้งต้องเข้าไปซื้อหุ้นในทันที โดยเป็นการเตรียมเงินสดรอเอาไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการเข้าซื้อหุ้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนงานที่จะจัดตั้งกองทุนแบบมีเป้าหมาย (ทาร์เก็ต ฟันด์) ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน แต่จะเปิดขายภายหลังกองทุนเปิดยูโอบี ซุปเปอร์ สไตรค์ 3
นอกจากนี้ บริษัทยังไม่ได้มีการประเมินผลการต่อสัญญากับพรีเซ็นเตอร์คนแรกของกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOBSD) ซึ่งได้แก่ “พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์" ออกไปหรือไม่ โดยจะมีการประเมินในช่วงปลายปี เพราะว่าในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงไม่ได้เน้นการประชาสัมพันธ์ ขณะที่ราคาทองคำในปัจจุบันมองว่ายังทรงตัว และน่าจะอยู่ในระดับ 800 – 900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
