xs
xsm
sm
md
lg

ยูโอบีปลื้มกองชัวร์เดลีพุ่ง116% จัดทัพแคมเปญ-พรีเซ็นเตอร์หนุนโตตามเป้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ยูโอบีพอใจสินทรัพย์กองทุนเปิด "ยูโอบี ชัวร์ เดลี" เติบโตอย่างต่อเนื่อง เผยเพียง 5 เดือนแรก ขยับขึ้นไปแตะ 26,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 116% ล่าสุด เตรียมจัดแคมเปญและเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรก “พอล” ภัทรพล ศิลปาจารย์ ในช่วงปลายเดือมิถุนายนนี้ หวังช่วยดันทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 35,000 ล้านบาท
นายวนา พูลผล
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี (UOB Sure Daily Open-ended Fund : UOBSD) ได้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) ของกองทุนได้ปรับเพิ่มขึ้นไปแตะ 26,000 ล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากต้นปี 2551 ที่มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 12,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 116% และคาดว่ามีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะมีการปรับเพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเงินฝากที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนสิงหาคมนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี มีโอกาสปรับขึ้นไปสู่เป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ 35,000 ล้านบาทได้ภายในปีนี้ หลังจากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ธนาคารพาณิยช์มีการใช้อัตราดอกเบี้ยเข้ามาดึงเม็ดเงินของลูกค้าไม่ให้ไหลออกไปจากระบบ แต่หาก พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้คนสนใจมาลงทุนในกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี มากขึ้น ซึ่งกองทุนนี้มีความเสี่ยงต่ำ เพราะว่าจะเน้นลงทุนในพันธบัตรเพียงอย่างเดียว

ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการขายกองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี คาดว่าจะมีการเปิดตัวประมาณปลายเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมกันนี้จะมีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของกองทุนในงานเดียวกันนี้ด้วย โดยพรีเซ็นเตอร์คนดังกล่าว ได้แก่ พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ สำหรับสาเหตุที่เลือก ภัทรพล ศิลปาจารย์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพราะว่าเรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรง มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน และมีธุรกิจเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ยังเป็นดาราที่เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นที่รู้จัก และมีภาพลักษณ์ที่ดี

กองทุนเปิดยูโอบี ชัวร์ เดลี จะเน้นลงทุนในลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ ได้แก่ ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารแห่งหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน และเงินฝากธนาคาร ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร (Structured Notes) และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivative)

ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 96.00% ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน 3.68% และลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีก 0.32%

สำหรับรายชื่อผู้ออกหลักทรัพย์ 10 อันดับแรก ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ได้แก่ 1. บมจ. ธนาคารทิสโก้ 2.37% 2. ธนาคาร คาลิยง 1.19% 3. ธนาคารยูโอบี จำกัด ( มหาชน ) 0.09% 4. ธนาคารซิตี้แบงก์ เอ็น เอ 0.02% 5. บมจ. ธนาคาร ธนชาต 0.01% 6. ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงก์กิ้งคอร์เปอร์เรชั่น 0.00% และลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน 96%

ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 สามารถให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.72% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.34% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.65% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.67% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.33% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -4.80% ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.72% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.35% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.05% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.72% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.34% และผลตอบแทนจากดัชนีกองทุนตราสารหนี้ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 0.10%

นายวนา กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีแผนในการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์) ในช่วงนี้แต่อย่างใด เนื่องจากทรัพย์สินแบบซื้อกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ (ฟรีโฮลด์) ยังไม่มีทรัพย์สินที่น่าสนใจลงทุน และส่วนใหญ่ทรัพย์สินที่บริษัทมีความสนใจก็มักจะมีราคาที่แพงเกินไป ประกอบกับการที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น บริษัทจึงค่อยๆ พิจารณาเลือกสรรทรัพย์สินที่จะลงทุนด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น