xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจฟื้น-หุ้นทะยาน ส่งสัญญาณปีหน้า"ดอกเบี้ย"ขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชื่อว่าหลายคนได้ยินข่าวเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านนักวิเคราะห์ทั้งไทยเเละต่างประเทศมาเเล้ว บางคนถึงกับเอามือก่ายหน้าผากวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ได้ยินมา ขณะที่บางคนไม่เเคร์นักวิเคราะห์ เพราะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูเเลพอร์ตการลงทุนให้ ท่ามกลางข่าวร้ายรายวันก็ยังมีข่าวดีให้เราได้เห็นบ้าง ซึ่งก็มีคนไม่น้อยออกมาพูดเสียงดังฟังชัดว่า "เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวเเล้ว" การฟื้นตัวที่ว่านี้จะไม่หวือหวาไปเร็วมาเร็วเเต่ประการใด เเต่จะเป็นสไตล์ขึ้นช้าๆเเต่ชัวร์นะ

เอาเป็นว่าจะฟื้นตัวเเบบไหนก็เเล้วเเต่ เรามาอัพเดทข้อมูลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก่อนดีกว่า...การฟื้นตัวที่ว่านี้มาจากปัจจัยใด หุ้นกลุ่มไหนน่าลงทุนบ้าง เเละที่ถามกันมาค่อนข้างมากคือมีเเนวโน้มมากน้อยเเค่ไหนที่ทั่วโลกจะปรับอัตราดอกเบี้ยในปีหน้านี้........

วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง จำกัด และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน มองว่า สิ่งที่ทำให้เราเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวขึ้นนอกจากตัวเลข GDP ยังมีปัจจัยอื่นอีก 8 ประการคืน
1.ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น
2.การลงทุนของภาคเอกชน เช่นการขยายโรงงาน
3.ภาคการส่งออก ที่ติดลบน้อยลงกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา
4.การจ้างงาน
5.การใช้ไฟฟ้า ในที่นี้ให้มองการใช้ไฟฟ้าของภาคธุรกิจ ซึ่งมีมากขึ้น
6.การลงโฆษณาของภาคธุรกิจ
7.สินเชื่อภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้ หุ้นกู้สามัญของเอกชน หรือการที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชน
8.สินเชื่อส่วนบุคคล

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญคือ เศรษฐกิจโลก เเละการเมืองไทย ในเเง่ของเศรษฐกิจโลกนั้นเราคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเป็นไปตามตลาดภูมิภาคเอเชียมากกว่าที่จะเป็นไปตามตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่น ขณะที่การเมืองนั้น ถ้าการเมืองนิ่ง รัฐบาลมีเสถียรภาพควบคุมเเละบริหารประเทศไปได้ปัญหานี้ก็จะคลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นเเละระยะยาวของรัฐบาลเริ่มได้ผล ทำให้ความกังวลของนักลงทุนเริ่มคลายลงประกอบกับการลงทุนในตราสารหนี้หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยเริ่มให้ผลตอบเเทนน้อยลงให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าต้นปีที่ผ่านมา

วรวรรณ บอกอีกว่า ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นเป็นกระจกสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจได้ดี ซึ่งช่วงนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับใครที่ยังไม่ได้เลือกลงทุนในหุ้น โดยที่ผ่านมาก็มีหุ้นหลายกลุ่มน่าเลือกเก็บไว้ในพอร์ตลงทุนเช่น กลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสารฯ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เเละกลุ่มสินค้าคอมมอนีตี้ เป็นต้น

ขณะที่ ต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมา บลจ.ไอเอ็นจี ให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นไทยมาก จากการประเมินว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ไป จะเป็นช่วงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่า ประเทศในกลุ่มเอเชียเป็นเป้าหมายหลักของการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และตลาดหุ้นไทยก็เป็นตลาดหุ้นที่นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ จากการคาดการณ์การปรับเพิ่มขึ้นของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังมีราคาถูกกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

ทั้งนี้ หากพิจารณาการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เราจะพบว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 ที่ประกาศออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งมีส่วนช่วยให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนับว่าน่าสนใจ เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ตลาดหุ้นซึ่งเป็นดัชนีสะท้อนภาพเศรษฐกิจจริงก็จะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย

ส่งสัญญาณดอกเบี้ยปรับขึ้น
ดร.สันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า เรื่องเลวร้ายที่เป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจโลก หรือ การเมืองได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้ว ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนหลายคนได้คลายความกังวลเเละหันเข้ามาทำกำไรในหุ้นหลังจากที่พักเงินไว้ในตราสารหนี้หรือ กองทุนมันนี่มาร์เก็ต สิ่งที่น่าจับตามองต่อจากนี้คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.

"คาดว่าไตรมาส 1 ของปี 2553 ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับตัวขึ้น ตามสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ปีหน้าอาจจะได้เห็นดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.75-1%"

ด้าน สุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย (SCRI) ประเมินว่า ในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดว่าทุกประเทศทั่วโลกคงต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใน 1 ปีข้างหน้า โดยเร็วที่สุดน่าจะเป็นไตรมาสที่ 1/53 ทั้งนี้ เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเริ่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าวัตถุดิบเริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว โดยเฉพาะวัตถุดิบหลัก เช่น น้ำมัน เหล็ก สินค้าเกษตร ในขณะเดียวกัน คาดว่า ปริมาณเงินที่อยู่ในระบบเป็นจำนวนมากจะเริ่มส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเงินเฟ้อมากขึ้น เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหา
สำหรับภาพรวมตลาดทุนไทยในเดือน สิงหาคม ของบลจ. อเบอร์ดีน ระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติรอบใหม่ ซึ่งมีความหวังจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยในช่วงต้นเดือนั้น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนมีความกังวลแต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวขึ้นได้หลังจากการรายงานผลประกอบการของภาคธนาคารที่มีเสถียรภาพ และสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจภายในประเทศอาจจะพ้นจากจุดต่ำสุดแล้ว

ขณะที่ในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อนั้น พบว่าสถานการณ์ยังคงปรับลดลงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิมที่ 1.25% ขณะเดียวกันยังแจ้งด้วยว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยนั้นอาจจะกลับมาในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้

ทั้งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าดัชนีภาคอุตสาหกรรมปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่แปด แต่ในส่วนของการลดลงในภาคการส่งออกและการนำเข้าเริ่มช้าลง ซึ่งเป็นผลจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของสินค้าอิเล็คทรอนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ส่วนสถานการณ์ของบริษัทที่อเบอร์ดีนลงทุนอยู่นั้น พบว่ารายได้ในไตรมาสสองของ บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ออกมาน่าผิดหวัง โดยได้รับผลกระทบในทางลบจากราคาขายที่ปรับลดลง ขณะที่บมจ. ธนาคารกสิกรไทย มีต้นทุนในการปล่อยกู้ลดลง ส่วนบมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ มีปัจจัยลบจากส่วนต่างสุทธิของดอกเบี้ยรับ-จ่ายลดลง และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ด้านบมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป มีกำไรคงที่ในระดับเดิม แม้จะมีกำไรส่วนต่างเพิ่มขึ้นและสินเชื่อขยายตัว แต่ไม่มากเท่าการกันสำรองเงินสดรายการหนึ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและมีจำนวนสูงกว่า ในทางกลับกัน และบมจ. ปูนซิเมนต์ไทย พบว่ามีกำไรลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีตัวช่วยจากส่วนธุรกิจปิโตรเคมีและกระดาษ


กำลังโหลดความคิดเห็น