ทุนนอกชะลอขยายโรงงานในไทย โดยเฉพาะญี่ปุ่น “ไทยโอบายาชิ” คาดปีนี้งานก่อสร้างลดฮวบ 30% ทั้งปีมูลค่างานใหม่ 6,000-6,500 ล้านบาทเท่านั้น จากปี 51 มีงานใหม่ 9,000 ล้านบาท ปรับแผนหันรับงานสร้างตึกแทน ล่าสุด รับงานกลุ่มยูนิเวนเจอร์สร้าง “ปาร์คเวนเชอร์” หัวมุมถนนวิทยุ มูลค่าก่อสร้าง 2,000 ล้านบาท
นายสมพงษ์ จินตวงศ์วานิช กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นันทวัน จำกัด หรือ ไทยโอบายาชิ บริษัทในเครือโอบายาชิ ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวยอมรับว่า ปีนี้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชะลอตัวลงไปมากตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในของบริษัทกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทย โดยในปี 2549 มีกลุ่มลูกค้าสร้างโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นมากถึง 80% ของงานทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าชาวไทยและประเทศอื่นๆ ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างโรงงานโตโยต้า ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่ในปัจจุบันลดเหลือเพียง 50:50 เท่านั้น
ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและชะลอการขยายโรงงาน ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์, ธุรกิจโรงแรม เป็นต้น ส่วนธุรกิจที่ยังมีการขยายโรงงานในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหาร มีนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีกระแสกลับมาอีกครั้ง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญานฟื้นตัว
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการขยายโรงงานและกิจการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งหมายถึงงานก่อสร้างโรงงานลดน้อยลง โดยคาดว่าปีนี้มูลค่างานจะลดลงถึง 30% จากปีที่แล้วที่มีงานใหม่มูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีงานใหม่มูลค่าเพียง 6,000-6,500 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งนับจากต้นปีถึงปัจจุบันมีงานใหม่เข้ามาแล้ว 4,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่างานคงเหลือในมือประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อหารายได้เพิ่มบริษัทจึงได้ปรับแผนการดำนเนินงาน ด้วยการหันไปรับงานสร้างอาคารเพื่อทดแทนงานก่อสร้างโรงงาน โดยล่าสุดรับงานก่อสร้างโครงการ ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ ออน วิทยุ ของกลุ่มบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมีมูลค่างานก่อสร้างประมาณ 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีงานก่อสร้างอาคารของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต ส่วนโรงแรม และ อาคารเซ็นรีจีส เป็นงานก่อสร้างต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า
“งานก่อสร้างอาคารสูงแม้จะมีมูลค่างานก่อสร้างสูง แต่จะต้องให้บุคลากร หรือคนงานก่อสร้างที่มีฝีมือจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีคนงานเพียง 600 คน ซึ่งต้องพัฒนาคนขึ้นมาอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับงาน ส่วนปี 2553 เชื่อว่า ทิศทางก่อสร้างและเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน แต่ยังขึ้นอยู่กับภาวะการเมืองของไทยด้วยว่าจะสงบหรือไม่ เพราะในปัจจุบันยังไม่นิ่ง ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไทยยังมีปัญหาด้านการเมืองเป็นตัวถ่วง”
**ยูนิเวนเจอร์เชื่อ ศก.ไทยยังไม่ฟื้นปีนี้**
ด้าน นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่า ความรู้สึกที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัว จากการมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น แต่จะต้องพิจารณาตัวเลขของกำลังการผลิตในประเทศ และอัตราการว่างงานซึ่งยังทรงตัวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยยังไม่มีการเติบโตภายในปีนี้ แต่น่าจะเริ่มเห็นผลในปีหน้า ประกอบการการเมืองยังไม่นิ่ง ซึ่งขณะนี้ทำได้เพียงประคองตัวไปเท่านั้น
ส่วนการลงทุนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ บริษัทขนาดใหญ่ยังคงมีการลงทุนเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายเล็ก-รายกลางคงต้องลำบากในช่วงนี้ เพราะผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยในส่วนของบริษัทเองยังคงลงทุนต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจด้วยการได้รับอนุมัติสินเชื่อก่อสร้างโครงการ ปาร์คเวเชอร์ จากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1,800 ล้านบาท ขณะนี้งานก่อสร้างฐานรากใกล้เสร็จแล้ว ส่วนทั้งโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการภายในปี 2554 โดยจะเปิดให้ลูกค้าจองพื้นที่เช่าสำนักงานก่ออาคารแล้วเสร็จ 1 ปี
นายสมพงษ์ จินตวงศ์วานิช กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นันทวัน จำกัด หรือ ไทยโอบายาชิ บริษัทในเครือโอบายาชิ ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวยอมรับว่า ปีนี้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชะลอตัวลงไปมากตามภาวะเศรษฐกิจ โดยในของบริษัทกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทย โดยในปี 2549 มีกลุ่มลูกค้าสร้างโรงงานจากประเทศญี่ปุ่นมากถึง 80% ของงานทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นลูกค้าชาวไทยและประเทศอื่นๆ ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างโรงงานโตโยต้า ที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่ในปัจจุบันลดเหลือเพียง 50:50 เท่านั้น
ทั้งนี้ ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและชะลอการขยายโรงงาน ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์, ธุรกิจโรงแรม เป็นต้น ส่วนธุรกิจที่ยังมีการขยายโรงงานในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหาร มีนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีกระแสกลับมาอีกครั้ง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญานฟื้นตัว
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการขยายโรงงานและกิจการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งหมายถึงงานก่อสร้างโรงงานลดน้อยลง โดยคาดว่าปีนี้มูลค่างานจะลดลงถึง 30% จากปีที่แล้วที่มีงานใหม่มูลค่า 9,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีงานใหม่มูลค่าเพียง 6,000-6,500 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งนับจากต้นปีถึงปัจจุบันมีงานใหม่เข้ามาแล้ว 4,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่างานคงเหลือในมือประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อหารายได้เพิ่มบริษัทจึงได้ปรับแผนการดำนเนินงาน ด้วยการหันไปรับงานสร้างอาคารเพื่อทดแทนงานก่อสร้างโรงงาน โดยล่าสุดรับงานก่อสร้างโครงการ ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ ออน วิทยุ ของกลุ่มบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมีมูลค่างานก่อสร้างประมาณ 2,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีงานก่อสร้างอาคารของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต ส่วนโรงแรม และ อาคารเซ็นรีจีส เป็นงานก่อสร้างต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า
“งานก่อสร้างอาคารสูงแม้จะมีมูลค่างานก่อสร้างสูง แต่จะต้องให้บุคลากร หรือคนงานก่อสร้างที่มีฝีมือจำนวนมาก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีคนงานเพียง 600 คน ซึ่งต้องพัฒนาคนขึ้นมาอีกจำนวนมาก เพื่อรองรับงาน ส่วนปี 2553 เชื่อว่า ทิศทางก่อสร้างและเศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าในปัจจุบัน แต่ยังขึ้นอยู่กับภาวะการเมืองของไทยด้วยว่าจะสงบหรือไม่ เพราะในปัจจุบันยังไม่นิ่ง ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น แต่ไทยยังมีปัญหาด้านการเมืองเป็นตัวถ่วง”
**ยูนิเวนเจอร์เชื่อ ศก.ไทยยังไม่ฟื้นปีนี้**
ด้าน นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่า ความรู้สึกที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัว จากการมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น แต่จะต้องพิจารณาตัวเลขของกำลังการผลิตในประเทศ และอัตราการว่างงานซึ่งยังทรงตัวสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยยังไม่มีการเติบโตภายในปีนี้ แต่น่าจะเริ่มเห็นผลในปีหน้า ประกอบการการเมืองยังไม่นิ่ง ซึ่งขณะนี้ทำได้เพียงประคองตัวไปเท่านั้น
ส่วนการลงทุนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ บริษัทขนาดใหญ่ยังคงมีการลงทุนเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายเล็ก-รายกลางคงต้องลำบากในช่วงนี้ เพราะผู้บริโภคให้ความเชื่อมั่นซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยในส่วนของบริษัทเองยังคงลงทุนต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจด้วยการได้รับอนุมัติสินเชื่อก่อสร้างโครงการ ปาร์คเวเชอร์ จากธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1,800 ล้านบาท ขณะนี้งานก่อสร้างฐานรากใกล้เสร็จแล้ว ส่วนทั้งโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการภายในปี 2554 โดยจะเปิดให้ลูกค้าจองพื้นที่เช่าสำนักงานก่ออาคารแล้วเสร็จ 1 ปี