ผู้บริหารบลจ. ประสานเสี่ยง ชี้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า กระทบผลตอบแทนกองทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนที่ไม่ได้เฮจด์จิ้ง ส่วนบอนด์เกาหลีหายห่วง แต่ออกกองใหม่ยากขึ้น "ประภาส"ระบุการแข็งค่ารอบนี้ยังไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับภูมิภาคเดียวกัน มั่นใจแบงก์ชาติดูแลได้
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ค่าเงินบาทมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น เมื่อมีเงินต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้การแปลงสภาพเป็นเงินก็มากขึ้นด้วย ซึ่งถ้ามองในแง่ดีแล้วกองทุนประเภทหุ้นจะได้รับประโยชน์มากที่สุด เพราะเนื่องจากมีเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งก็ยังส่งผลกระทบต่อกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศกับกองทุนที่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (เฮจด์จิ้ง) เอาไว้ ซึ่งถ้าแลกกับมาเป็นเงินบาทแล้วจะได้น้อยลง
ทั้งนี้ ในส่วนของการออกกองทุนของบริษัทนั้น ต้องคำถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนให้มากที่สุด ซึ่งถ้าจะมีการออกไปลงทุนในต่างประเทศก็ต้องทำเฮจด์จิ้งเพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดี ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ออกกองทุนรวมต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ผลตอบแทนที่น้อย แต่ภายในสัปดาห์นี้ยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะออกกองทุนดังกล่าว เนื่องจากต้องรอดูสถานการณ์หรือรอดูจังหวะที่เหมาะสมก่อน เพราะถ้าออกไปแล้วผลตอบแทนให้ได้ไม่ต่างจากเงินฝากในธนาคารหรือการลงทุนในประเทศก็คงยังต้องชะลอการออกไปก่อน
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่เงินบาทแข็งค่านั้น เป็นไปตามทุกภูมิภาค ซึ่งก็มีผลกระทบกับอัตราผลตอบแทนของเงินลงทุนที่เข้าไปลงทุนเกาหลีใต้และกองทุนรวมต่างประเทศประเภทอื่นๆ ซึ่งการลงทุนมันก็จะแคบลงเนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น ทำให้ได้รับผลกระทบในเรื่องของผลตอบแทนที่น้อยลง แต่เมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในประเทศที่มีอายุใกล้เคียงกันแล้ว ถือว่ายังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ทั้งนี้ บริษัทกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีและได้รับผลกระทบน้อยที่สุดมาให้นักลงทุนได้เลือกเข้าไปลงทุน แต่สภาพคล่องของประเทศอื่น ๆ มีไม่เท่ากับเกาหลี ดังนั้นขณะนี้ บริษัทเองก็กำลังคิดค้นและค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อมารองรับกลุ่มนักลงทุนต่อไป
ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) กล่าวว่า ผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มองว่ามันจะมีผลกระทบกับราคาทองคำในประเทศ เพราะจะเป็นแรงกดดันให้ราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ถึงอย่างไรก็ตาม มองดูแล้วการแข็งค่าของเงินบาทยังคงไม่รุนแรงมากนักถ้าเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะอย่างไรแล้วธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะค่อยแทรกแซงราคามาโดยตลอด เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากเกินไปอีกทั้งยังช่วยให้การส่งออกได้รับผลกระทบไม่มากนักด้วย
