xs
xsm
sm
md
lg

บีทีจ่อคิวFIFลุยหุ้น"จีน-อินเดีย"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. บีที พอใจยอดจอง “บีทีเดลี่ อาเซียน อิควิตี้” ปิดไอพีโอระดมทุนเข้าเป้า 100 ล้านบาท เผยเตรียมคลอดต่ออีก 2 กองรวด เน้นหุ้นกลุ่มประเทศจีนและอินเดีย คาดไอพีโอไม่เกินไตรมาส 4 หวังให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยง

นายอนุสรณ์ บูรณกานนท์
กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้ทำการเปิดขายไอพีโอกองทุนเปิดบีที เดลี่ อาเซียน อิควิตี้ หรือ BT Daily ASEAN Equity Fund (ASEAN-DAILY) ไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม – 4 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา ส่งให้สามารถปิดยอดขายจองได้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นกองทุนรวมเอฟไอเอฟกองทุนแรกของบริษัท โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนยังคงเป็นกลุ่มนักลงทุนกลุ่มเดิมที่เป็นลูกค้ากลุ่มธนบดีเป็นหลัก ส่วนนักลงทุนรายใหม่ ๆ ก็เข้ามีมาบ้างทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนใน 5 กลุ่มประเทศหลัก ๆ ในแถบอาเซียน ซึ่งได้แก่ ประเทศมาเลเซีย ,อินโดนีเซีย , สิงคโปร์ , ฟิลลิปปินส์ และรวมถึงประเทศไทยด้วย สาเหตุที่ต้องเข้าไปลงทุนใน 5 ประเทศดังกล่าวเนื่องจากว่าการลงทุนในหุ้นแถบอาเซียนได้รับความสนใจมาก และมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่า มีโอกาสการปรับตัวดีขึ้นเป็นบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซียจะมีการปรับขึ้นแรงมาก

โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะในน้ำหนักในการรีบาลานด์มากสุดที่ประเทศสิงคโปร์จะอยู่ที่ประมาณ 40% ส่วนที่เหลือประมาณ 15 – 20 % จะกระจายไปยังเป็น ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลลิปปินส์

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ปิดการขายกองทุนดังกล่าวแล้ว บริษัทเตรียมที่จะออกกองทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่มอีก 2 กองทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ และจะทำการเปิดขายพร้อม ๆ กันทั้ง 2 กองทุนสำหรับกองทุนรวมหุ้น 2 กองทุนนั้น บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศจีน และอินเดีย ซึ่งปัจจุบัน 2 ประเทศดังกล่าวกำลังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้นักลงทุนได้ กระจายการลงทุนในอีกทางหนึ่ง

“ตลาดหุ้นของภูมิภาคเอเชียรวมถึงอาเซียนนั้น ได้ปรับตัวขึ้นมาในช่วงหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะประเทศจีนหลังจากที่ประกาศออกมาว่าเศรษฐกิจของจีนในปีนี้จะโตอยู่ที่ 6% ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของอาเซียนนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นมากนัก จึงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นขึ้นมา ส่วนตลาดหุ้นของไทยนั้นจะเห็นได้ว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องของการเมืองเป็นหลักส่งผลให้ตลาดไทยยังโตตามหลังตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยยังคงมีแรงซื้อจากต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าหากไม่มีปัจจัยการเมืองเข้ามาอีกตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้นมากกว่ากว่านี้” นายอนุสรณ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น