ASTVผู้จัดการรายวัน - บล.ทิสโก้ เผยกองทุนต่างชาติตอบโรดโชว์นิวยอร์กเกินคาด เหตุมองหาแหล่งลงทุนสภาพคล่องล้น ชี้ไทยน่าสนใจสุดชี้หุ้นยังถูก ขณะประเทศอื่นราคาหุ้นพุ่งสูง เตรียมเดินสายโรดโชว์ฮ่องกง สิงคโปร์เร็ว ๆ นี้ ด้านผู้ลงทุนสถาบันญี่ปุ่นเสนอตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มเครื่องมือเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พาบริษัทจดทะเบียน 5 บริษัท เดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ ) กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9-11 กันยายน ที่ผ่านมานั้นพบว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาฟังจำนวนมาก ซึ่งถือว่าตอบรับการไปครั้งนี้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้มีนักลงทุนบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงทุนต้องหาแหล่งลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยถือว่ามีราคาถูกที่สุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่ร่วมฟังโรดโชว์นั้น ให้ความสนใจสอบถามถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงข้อมูลต่างๆของแต่ละบริษัท ส่วนในเรื่องปัจจัยทางการเมืองนั้น นักลงทุนสอบถามน้อย เพราะมองว่าเป็นปัจจัยของประเทศไทย โดยบริษัทที่ร่วมไปโรดโชว์ 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)หรือ PTTAR บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF
" นักลงทุนที่เข้าร่วมฟังข้อมูลครั้งนี้ เป็นนักลงทุนสถาบันซึ่งมีกองทุนระยะยาวประมาณ 40 % และอีก 60 % เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดยหากนักลงทุนสนใจเข้าลงทุน นั้นก็สามารถลงทุนได้ทันที ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้พบว่านักลงทุนตอบรับดีเกินคาดมีกองทุนเข้าพบ บจ.รวม 100 ครั้ง เพราะสภาพคล่องทางการเงินมีล้น และจากการที่ตลาดหุ้นขึ้นต่อเนื่องจึงทำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นไทยในพอร์ตจึงต้องการซื้อ เพราะตลาดหุ้นไทยถือว่ายังลงทุนได้หลังจากตลาดหุ้นอื่นราคาได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว "นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะมีการไปโรดโชว์ในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งต่อไป คาดว่าจะไปที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่สอง ของเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ไปโรดโชว์ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน (จำกัด) มหาชน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ จำกัด เพื่อไปนำเสนอข้อมูลด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และภาวะการลงทุนในตลาดทุนที่มีการปรับตัวดีขึ้น แผนพัฒนาตลาดทุนไทย และการดำเนินโครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (ASEAN Linkage) รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ ๆ แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนในตลาดทุนไทย มีผู้ลงทุนสถาบันมาร่วมฟังการนำเสนอข้อมูล 14 ราย จาก12 บริษัท โดยมีเงินลงทุนรวมกันทั่วโลกกว่า 40 ล้านล้านบาท
โดย ตลท. ได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ลงทุนสถาบันในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการให้ตลท. เพิ่มเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนสถาบันในญี่ปุ่นจำนวนมากสนใจการลงทุนใน NVDR ซึ่งตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นมีข้อจำกัดเรื่องเพดานการลงทุน ขณะที่ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันของญี่ปุ่น 3 ราย ที่ไปร่วมงาน ได้แก่ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) และบมจ. ไทยยูเนียนโฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ได้พบปะกับผู้ลงทุนสถาบันถึง 29 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับบริษัท จดทะเบียน ที่ได้มีโอกาสไปให้ข้อมูลและตอบคำถามของผู้ลงทุนสถาบันของญี่ปุ่นโดยตรง
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้พาบริษัทจดทะเบียน 5 บริษัท เดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ ) กับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9-11 กันยายน ที่ผ่านมานั้นพบว่านักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาฟังจำนวนมาก ซึ่งถือว่าตอบรับการไปครั้งนี้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ จึงทำให้มีนักลงทุนบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงทุนต้องหาแหล่งลงทุน โดยตลาดหุ้นไทยถือว่ามีราคาถูกที่สุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่ร่วมฟังโรดโชว์นั้น ให้ความสนใจสอบถามถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงข้อมูลต่างๆของแต่ละบริษัท ส่วนในเรื่องปัจจัยทางการเมืองนั้น นักลงทุนสอบถามน้อย เพราะมองว่าเป็นปัจจัยของประเทศไทย โดยบริษัทที่ร่วมไปโรดโชว์ 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)หรือ PTT บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)หรือ PTTEP บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)หรือ PTTAR บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF
" นักลงทุนที่เข้าร่วมฟังข้อมูลครั้งนี้ เป็นนักลงทุนสถาบันซึ่งมีกองทุนระยะยาวประมาณ 40 % และอีก 60 % เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดยหากนักลงทุนสนใจเข้าลงทุน นั้นก็สามารถลงทุนได้ทันที ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้พบว่านักลงทุนตอบรับดีเกินคาดมีกองทุนเข้าพบ บจ.รวม 100 ครั้ง เพราะสภาพคล่องทางการเงินมีล้น และจากการที่ตลาดหุ้นขึ้นต่อเนื่องจึงทำให้นักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นไทยในพอร์ตจึงต้องการซื้อ เพราะตลาดหุ้นไทยถือว่ายังลงทุนได้หลังจากตลาดหุ้นอื่นราคาได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปแล้ว "นายไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะมีการไปโรดโชว์ในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งต่อไป คาดว่าจะไปที่ประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่สอง ของเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ไปโรดโชว์ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน (จำกัด) มหาชน และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ จำกัด เพื่อไปนำเสนอข้อมูลด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และภาวะการลงทุนในตลาดทุนที่มีการปรับตัวดีขึ้น แผนพัฒนาตลาดทุนไทย และการดำเนินโครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (ASEAN Linkage) รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ ๆ แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนในตลาดทุนไทย มีผู้ลงทุนสถาบันมาร่วมฟังการนำเสนอข้อมูล 14 ราย จาก12 บริษัท โดยมีเงินลงทุนรวมกันทั่วโลกกว่า 40 ล้านล้านบาท
โดย ตลท. ได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ลงทุนสถาบันในประเทศญี่ปุ่นที่ต้องการให้ตลท. เพิ่มเครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนสถาบันในญี่ปุ่นจำนวนมากสนใจการลงทุนใน NVDR ซึ่งตามกฎหมายของประเทศญี่ปุ่นมีข้อจำกัดเรื่องเพดานการลงทุน ขณะที่ ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันของญี่ปุ่น 3 ราย ที่ไปร่วมงาน ได้แก่ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) และบมจ. ไทยยูเนียนโฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ได้พบปะกับผู้ลงทุนสถาบันถึง 29 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับบริษัท จดทะเบียน ที่ได้มีโอกาสไปให้ข้อมูลและตอบคำถามของผู้ลงทุนสถาบันของญี่ปุ่นโดยตรง
