xs
xsm
sm
md
lg

ตลท.ไม่กังวลเทรดล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นโล่งอก! ไร้ผู้ฟ้องร้องกรณีระบบเทรดล่ม1 ชม. “ภัทรียา”มั่นใจไม่กระทบภาพลักษณ์องค์กร ด้าน “นงราม”หวั่นเข้าใจผิด แท้จริงผิดพลาดที่โบรกฯและผู้พัฒนาระบบ จี้บล.ที่เสียหายฟ้องร้องผู้พัฒนาฯ ชี้หากลงทุนเพิ่มเพื่อแก้ไข อาจต้องขึ้นค่าบริการกับลูกค้าด้วย ล่าสุดเตรียมบินโรด2ประเทศใหญ่ 7-8 ก.ย.เยือนญี่ปุ่น ส่วน21-23 เยือนสหรัฐฯพร้อมนายก สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ส่วนหุ้นวานนี้ก็แรงเพิ่มขึ้น 11 จุด
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยถึง กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศปิดการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10.00 – 11.00 น. เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อบรรยากาศการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่มีนักลงทุนรายใดเข้ามาร้องเรียนแต่อย่างใด โดยการซื้อขายยังเป็นไปตามปกติ ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายตลอดทั้งวันสูงกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท สูงกว่าวันที่ 1 ก.ย. ที่มีมูลค่าการซื้อขายรวม 1.3 หมื่นล้านบาท
ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า เรื่องนี้ ได้ชี้แจงให้ทราบว่าแล้วว่าไม่ได้เกิดจากระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงไม่น่าจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกิดจากระบบการส่งคำสั่งซื้อขายของบริษัทสมาชิก และผู้พัฒนาระบบ ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

**จี้บล.ฟ้องผู้พัฒนาระบบฯ
ด้านนางนงราม วงษ์วานิชรองผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลท. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตลาดหุ้นไทย ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดพลาดของตลาดหลักทรัพย์ฯแต่เป็นความผิดพลาดของผู้ให้บริการระบบ (เวนเดอร์) ที่ให้บริการระบบการซื้อขายกับโบรกเกอร์
"ยอมรับระบบการซื้อขายที่ขัดข้องนั้นทำให้ภาพลักษณ์เสีย ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากใคร ถึงแม้ความผิดดังกล่าวไม่ได้มาจากตลาดหลักทรัพย์ฯ"นางนงรามกล่าว
แต่การจะป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีกนั้น สามารถทำได้ แต่ก็จะมีต้นทุนที่สูง เพราะต้องใช้เงินจำนวนมาก และหากโบรกเกอร์ยอมลงทุนระบบจริง ก็จะทำให้ต้องคิดค่าบริการกับนักลงทุนมากขึ้น แต่หากตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการช่วยโบรกเกอร์โดยพัฒนาระบบให้ ก็ต้องใช้เงินทุนที่สูงเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากมีความเสี่ยงที่เหมาะสมและพอรับได้ และทุกฝ่ายมีการช่วยเหลือป้องกันในการตรวจสอบก็ไม่น่ามีปัญหา
ขณะเดียวกัน นางนงราม ยืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีผู้ที่จะฟ้องตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่โบรกเกอร์ควรที่จะฟ้องเวนเดอร์ที่ระบบมีปัญหามากกว่า เพราะ ในช่วงที่ตลาดลหลักทรัพย์ฯจะมีการรับหุ้นของบมจ. เซาท์เทิร์นสตีล ที่ใช้ชื่อย่อ 2S นั้นได้มีการทดสอบระบบแล้วว่าสามารถรองรับได้
อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการสอบถามไปยังเวนเดอร์ทั้ง 2 ราย และทั้ง 2 ก็รายตอบมาว่าระบบสามารถรองรับได้ แต่เมื่อทดสอบระบบในเย็นวันที่ 1 กันยายน และทางเวนเดอร์ที่มีปัญหาได้มีการแก้ไข และแจ้งมาที่ตลาดลหลักทรัพย์ฯว่าสามารถที่แก้ไขได้แล้วในช่วง 23.00 น.(1ก.ย.) แต่พอช่วงเช้า(2ก.ย.) เกิดปัญหาอีก

***ตลาดหุ้นเดินสายโรดโชว์ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ
นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบล. โนมูระ นำบริษัทจดทะเบียน 3 แห่งไปให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 7-8 กันยายน 2552 โดยคาดว่าจะมีผู้บริหารกองทุนชั้นนำของญี่ปุ่นหลายรายเข้าร่วมงาน เพื่อรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและภาวะการลงทุนของไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในขณะเดียวกันก็จะได้รับฟังความคิดเห็นและมุมมองของผู้ลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดทุนไทย รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการลงทุนด้วย
สำหรับบริษัทจดทะเบียน 3 แห่งที่ไปร่วมโรดโชว์ ได้แก่ บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) และบมจ. ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนในประเทศญี่ปุ่น
ด้านนายทาเคชิ นิชิดะ ประธานอำนวยการ บล. พัฒนสิน กล่าวว่าการโรดโชว์ในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลังที่แนวโน้มเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย

นอกจากนี้ในวันที่ 21-23 กันยายน ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนจัดกิจกรรมพบปะผู้ลงทุนสถาบัน ร่วมกับบล. ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่กว่า 100 รายที่มีนโยบายลงทุนในแถบภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะไทย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับเกียรติจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนต่างประเทศ
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี และตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีกำหนดเข้าพบผู้บริหารระดับสูงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE: New York Stock Exchange) เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการของตลาดทุนโลก และแนวโน้มในปี 2553 รวมทั้งความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และ NYSE ด้วย

**แรงหนุนตปท.หนุนดัชนีพุ่ง
ส่วนการเคลื่อนไหวตลาดหุ้นวานนี้ ปิดที่ระดับ 665.54 จุด เพิ่มขึ้น 11.42 จุด หรือ 1.75% มูลค่าการซื้อขาย 22,427 ล้านบาท น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยดีดบวกกลับขึ้นมาเพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นจีน ซึ่งทางการเข้ามาดูแลตลาดหุ้นทำให้ sentiment ดีขึ้น จึงผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยสามารถที่จะยืนบวกค่อนข้างแรงได้ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆของไทยก็ดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯตัวเลขยอดสั่งซื้อใหม่ของโรงงานก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะน้อยกว่าคาดแต่ก็ยังเป็นสัญญาณที่เป็นบวกอยู่ และประสิทธิภาพการผลิตนอกภาคการเกษตรไตรมาส 2/52 ของสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้นดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
ส่วนทิศทางวันนี้(4ก.ย.)ต้องรอดูตัวเลขต่างๆคืนนี้ เช่น ราคาน้ำมัน ตอนนี้ต้องดู Factor เป็นวันต่อวัน ส่วนการเมืองก็ต้องติดตามน้ำหนักจะมากหรือน้อยก็ต้องรอดูความเป็นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น